โค้งสุดท้ายงบไตรมาส 1/68 หุ้นไทยไซด์เวย์ 1,200-1,230 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มทรงตัวหลังจากตอบรับความคืบหน้าการเจรจาการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯกับจีนในช่วงที่ผ่านมาไปในระดับหนึ่งแล้ว
โดยในช่วงถัดไปอาจต้องติดตามพัฒนาการเพิ่มเติม ซึ่งสุดสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ผู้นำจีนและสหรัฐฯอาจจะต่อสายคุยกันเพิ่ม ถือเป็นอีกประเด็นสำคัญที่ตลาดจับตาอย่างใกล้ชิด
ด้านราคาน้ำมันดิบวานนี้ย่อตัว -0.8% ตอบรับการรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า +3.45 ล้านบาร์เรล เป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 2 เดือน โดยพลิกจากสัปดาห์ก่อนที่ปรับลดลง -2.03 ล้านบาร์เรล และสวนจากที่ตลาดคาดว่าจะลดลงราว 1.96 ล้านบาร์เรล
ส่วนคืนนี้แนะเกาะติดตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ นำโดย ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือนเมษายน คาดทรงตัวที่ระดับเดิม (+0.0%) ส่วนด้านเงินเฟ้อผู้ผลิตเดือนเมษายน (US PPI) คาดชะลอลงสู่ระดับ +2.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน(y-y) จากเดือนมีนาคมที่เพิ่มขึ้น +2.7% y-y ถือเป็นแนวโน้มเดียวกับดัชนี US CPI ที่รายงานในช่วงต้นสัปดาห์
สำหรับปัจจัยในประเทศยังอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการ อาจยังส่งผลให้ราคาหุ้นแกว่งค่อนข้างผันผวน ควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยกลยุทธ์เน้นรอจังหวะย่อทยอยสะสม โดยเน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรยังฟื้นตัว ผสานกับ Valuation อยู่ในระดับที่เหมาะสม
คาด SET วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1,200-1,230 จุด ราคาน้ำมันดิบย่อรับสต๊อกน้ำมันสูงกว่าคาด ขณะที่ระยะสั้นเข้าสู่โค้งสุดท้ายรายงานผลประกอบการ ผสานรอจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น เงินเฟ้อ US PPI, ยอดค้าปลีก US กลยุทธ์เน้นย่อตั้งรับหุ้นที่แนวโน้มกำไรดี
วันนี้แนะนำ “BDMS” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 30 บาท รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1/68 ที่ 4,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน และ ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ทำได้ดีใกล้เคียงตลาดคาด รายได้จากผู้ป่วยไทย เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน และรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน ตามการระบาดที่เพิ่มขึ้น
และ BDMS มีโรงพยาบาลในหัวเมืองสำคัญยังคงคาดกำไรปี 2568 นี้จะทำจุดสูงสุดใหม่ ขณะที่ Valuation เทรดเพียง P/E 22 เท่า ยังอยู่ในระดับที่น่าทยอยสะสม