ร้านสะดวกซื้อ 7-11 หนุน CPALL กำไรสุทธิ Q1/68 โต 20% แตะ 7,585 ล้าน
CPALL กำไรสุทธิ Q1/68 โต 20% แตะ 7,585 ล้านบาท ผลงานกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อดีขึ้น ควบคุมต้นทุน-ค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพ ทุ่ม 7,500 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 7,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก ประกอบกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ กำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวมในไตรมาส 1/2568 มีจำนวน 0.83 บาท
ในไตรมาส 1/2568 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 14,351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับรายได้รวมไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 252,881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปี อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt และมาตรการเงินโอนเฟสสอง รวมถึงการท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ที่ยังคงดีต่อเนื่อง นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2568 รายได้รวมก่อนหักรายการระหว่างกัน แบ่งสัดส่วนตามธุรกิจหลัก ได้ดังนี้ (กลุ่ม 1) รายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อและธุรกิจอื่น ๆ มีสัดส่วน 52% และ (กลุ่ม 2) รายได้จากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและศูนย์การค้า มีสัดส่วน 48% ซึ่งสัดส่วนกำไรของ (กลุ่ม 1) เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน โดยหลักมาจากการเติบโตของรายได้ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ
ในช่วงไตรมาส 1/2568 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 185 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 บริษัทมีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 15,430 สาขา แบ่งเป็น
(1) ร้านสาขาบริษัท 7,868 สาขา (ประมาณ 51%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 125 สาขา ในไตรมาสนี้
(2) ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,562 สาขา (ประมาณ 49%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 60 สาขา ในไตรมาสนี้
ร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ ซึ่งประมาณ 86% ของสาขาทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.
ในไตรมาส 1/2568 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 113,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาสนี้มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน เท่ากับ 84,663 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 88 บาท ในขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 963 คน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปีและจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน
ธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงใช้แผนกลยุทธ์ที่สอดรับกับสถานการณ์ตลอดเวลา โดยคำนึงถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ โดยนำเสนอสินค้าใหม่ๆ พร้อมกับโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา ประกอบกับความพยายามในการเพิ่มรายได้จากการขายสินค้า ผ่านกลยุทธ์ O2O อาทิ 7Delivery และ All Online ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภาวะปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยมีสัดส่วนประมาณ 11% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2568 มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 7,500 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 1.67% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด
โดยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.-14 พ.ย.2568


