คำต่อคำ : "การบินไทย" รอดแน่! ไร้การเมืองแทรก-ดันมืออาชีพอัพกำไร

"การบินไทย" กลับมาทวงฟ้าคืนได้จริงหรือ ? หลังผ่านมรสุมหนี้ท่วม วันนี้กลับมาอยู่ในจุดที่หลายคนไม่คาดคิด สถานะการเงินเริ่มมั่นคง ตุนเงินสดทะลุ 124,000 ล้านบาท! พร้อมเตรียมกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯอีกครั้ง 

หากแต่.. สิ่งที่น่ากังวล กลับเป็นอนาคตจากนี้ ภายใต้การบัญชาของทีมบริหารชุดใหม่ จะสร้าง "การบินไทย" ให้สามารถเติบโตได้ต่อเนื่องได้หรือไม่ ?

และใครสามารถการันตีได้ว่าในอีกหลายปีข้างหน้า เหตุการณ์เดิมๆจะไม่หวนคืนจนต้องออกจากตลาดอีกครั้ง!!

"ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์" ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กล่าวกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า ในปัจจุบันผู้บริหารแผนดูแลการบินไทยให้อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง การเงินแข็งแกร่ง ต้นทุนอยู่ในระดับต่ำ กําไรดี คุณภาพบริการดีขึ้น

ฉะนั้นอนาคตจากนี้จึงเป็นเรื่องของผู้ถือหุ้น และกรรมการชุดใหม่ที่จะเข้ามาดูแลให้ดีต่อไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและเป็นสิ่งที่ทําให้การบินไทยมีปัญหาทุกครั้ง ก็คือ "การแทรกแซงในเรื่องการโยกย้ายแต่งตั้ง การจัดซื้อจัดจ้างจากข้างนอกหรือจากกรรมการด้วยกันเอง" 

เหตุที่ "การบินไทย" ฟื้นมาได้เกิดจาก "พนักงาน" เป็นหลัก เพราะผู้บริหารระดับสูงไม่ได้มาจากไหน มาจากคนในการบินไทย ยกเว้นช่วงแรกที่มีคุณชาญศิลป์ ตรีนุชกรเข้ามาช่วงแรกเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งผู้บริหารแผนผู้ทําแผนไม่ได้ลงมาบริหาร เป็นเพียงคนกํากับดูแลให้แนวทางแนะนําคนที่ลงมือเจรจาพนักงานให้ออกด้วยความสมัครใจ เจรจาจัดหาเครื่องบินใหม่ ฯลฯ ก็คือคนที่เคยอยู่ในการบินไทย 

สิ่งที่เกิดขึ้นมาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คือ พอไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่มีการแทรกแซงจึงสามารถเลือกคนเก่ง คนดีที่อยู่ในบริษัทขึ้นมาบริหารงานได้ เพราะฉะนั้นคุณภาพของผู้บริหารของการบินไทยในปัจจุบันแตกต่างกับสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง นี่คือประเด็นสําคัญที่จะทําให้การบินไทยเดินหน้าต่อไปได้ 

"ในอดีต กรรมการบริษัทมักจะชอบเข้ามาบริหาร นั่นคือจุดเริ่มต้นของความฉิบหาย เพราะว่ากรรมการทุกคนคิดว่ารู้เรื่องธุรกิจการบินดีเพราะเคยนั่งเรือบิน แต่พอทําอย่างนั้นผู้บริหารจะเลิกคิด เลิกให้ความเห็น กรรมการ 10 คน ยังไงก็ความเห็นไม่รอบคอบสู้ผู้บริหาร 200 คนไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องให้เกียรติผู้บริหาร ต้องฟังผู้บริหาร และเลือกคนเก่งที่ดีที่สุดขึ้นมาบริหารบริษัทต่อไป พร้อมให้อิสระในการคิดในการทํางานต่อไป"

 

ไตรมาส 2/68 โตต่อ ?

"ปิยสวัสดิ์" ยอมรับว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 ในช่วงเดือน เมษายน 2568 ถือว่าปรับตัวดีขึ้น หลังจากมีเทศกาลอีสต์เตอร์หนุนนักท่องเที่ยวเข้ามา

ส่วนเดือน พ.ค.-มิ.ย.68 เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น แต่ตัวเลขการจองตั๋วมีทิศทางดีขึ้นกว่าปีก่อน เนื่องจากในบางประเทศเป็นช่วงไฮซีซั่น เช่น อินเดีย รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปและออสเตรเลียเข้ามาช่วยหนุนต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีนี้ อีกทั้งภาพรวมการเดินทางจากกลุ่มผู้โดยสายประเภทการทำธุรกิจยังคงมีเข้ามาต่อเนื่อง

คงเป้ารายได้ 1.8-1.9 แสนล้าน

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กล่าวเสริมว่า ภาพรวมปี 2568 คาดรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ 180,000 - 190,000 ล้านบาท และผู้โดยสาร 16.5 ล้านคน

พร้อมกระแสเงินสด ณ สิ้นเดือน มี.ค.68 แตะระดับ 124,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนเข้าแผนฟื้นฟูฯ ที่ทำได้ 30,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขมากกกว่าแสนล้านบาทถือว่าเพียงพอต่อสถานการณ์ต่างๆที่ยากในการควบคุมได้ในอนาคต

"สถานการณ์ต่างๆเราอาจจะควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือตัวเอง เราจึงทำให้ตัวเองแข็งแกร่งทั้งในส่วนของบุคลากรและโครงสร้างต้นทุน ในธุรกิจสายการบินนั้นใครมีสายป่านยาวก็อยู่ได้ ที่ผ่านมาเรามีบทเรียนเรื่องนี้ ตอนสถานการณ์เป็นลบเครดิตก็ไม่มีประโยชน์ สายการบินมีความอ่อนไหวต่อเงินสด ถ้าไม่มีรายได้เข้ามาเราต้องใช้เงินสดอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องวางแผนเก็บเงินสดไว้ให้เพียงพอ ซึ่งตอนนี้มี 1.24 แสนล้านบาท"

กำไร Q1/68 พุ่ง 12.3%

ผลประกอบการในไตรมาส 1/68 การบินไทย มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทำได้ 51,625 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5,670 ล้านบาท หรือ 12.3% และมีกำไรสุทธิ 9,831 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,409 ล้านบาท เนื่องจากจํานวนเที่ยวบินและผู้โดยสาร เพิ่มขึ้น 11.6% ด้าน Cabin Factor อยู่ที่ 83.3% ใกล้เคียงช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน รวมค่าเช่าเครื่องบินที่คํานวณจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hour) ทำได้ 12,728 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,103 ล้านบาท หรือ 8% 

ถามว่า... THAI จะสามารถสร้าง "กำไร" โตต่อเนื่องได้หรือไม่ ?

ส่วนตัวก็ต้องการให้เป็นแบบนั้น แต่คงการันตีไม่ได้ เพียงแต่แนวโน้มในระยะสั้น การบินไทยมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน มีการปรับปรุงเครื่องบินที่ไม่ได้ทำมานานกว่า 20-30 ปี ทุกอย่างที่ดีขึ้นได้สะท้อนผ่านตัวเลขทางการเงินทั้งหมดให้ได้เป็นที่ประจักษ์

ลดพาร์ล้างขาดทุน-จ่ายปันผล ?

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประชุมคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการมีมติอนุมัติการลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1.30 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทางบัญชี

และเมื่อรวมกับกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทมีกำไรสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการ 9,555 ล้านบาท เป็นผลให้ในอนาคต THAI อาจสามารถพิจารณาจ่ายเงินปันผลได้

บินอ้อมทำต้นทุนพุ่ง!

ส่วนกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน ทำให้ THAI งดให้บริการชั่วคราวในประเทศปากีสถาน 3 เมือง ได้แก่ อิสลามาบัด, การาจี และ ละฮอร์

แม้เหตุดังกล่าวจะส่งผลกระทบไม่มากนัก เนื่องด้วยการเดินทางไปยุโรปจากเดิมที่ต้องผ่าน 2 ประเทศดังกล่าวอาจต้องอ้อมการเดินทางและใช้เวลามากขึ้นราว 20-30 นาที ทำให้ต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นราว 1 แสนบาททั้งไป-กลับต่อเที่ยวบิน หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 0.3-0.4% ของต้นทุนรวมน้ำมันไปกลับที่ 5-6 ล้านบาท โดยต้นทุนน้ำมัน คิดเป็น 30% ของต้นทุนรวมทั้งหมด