หุ้นไทยดิ่งหนัก! ไร้แรงหนุน ความเชื่อมั่นหด จุดรับถัดไป 1,180 เอาอยู่?
ตลาดหุ้นไทยปรับฐานแรง! ดัชนีร่วงกว่า 160 จุดนับตั้งแต่ต้นปี มาร์เก็ตแคปร่วง 2,285,742.37 ล้านบาท กูรู บล.ลิเบอเรเตอร์ เตือนความเชื่อมั่นนักลงทุนสั่นคลอน ชี้จุดรับถัดไป 1,180 จุด เน้นตั้งรับหุ้น SET50 ธุรกิจที่ยังไปต่อได้และแนวโน้มกำไรเติบโต
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นไทยปรับฐานแรง! ดัชนีร่วงกว่า 160 จุดนับตั้งแต่ต้นปี มาร์เก็ตแคปร่วง 2,285,742.37 ล้านบาท
- กูรู บล.ลิเบอเรเตอร์ เตือนความเชื่อมั่นนักลงทุนสั่นคลอน ชี้จุดรับถัดไป 1,180 จุด
- เน้นตั้งรับหุ้น SET50 ธุรกิจที่ยังไปต่อได้และแนวโน้มกำไรเติบโต
ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายอย่างหนัก! ความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นปิดการซื้อขายวันนี้ (25 กุมภาพันธ์ 2568) ร่วงลง 29.46 จุด ปิดต่ำที่ระดับ 1,206.39 จุด คิดเป็น -2.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,189.15 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,231.48 จุด และลดลงต่ำสุด 1,206.39 จุด
นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (Year to Date:YTD) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลง 164.36 จุด คิดเป็น -11.74%
หากพิจารณา "มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ต แคป)" ปัจจุบันแตะระดับ 15,031,714.01 ล้านบาท ลดลง 2,285,742.37 ล้านบาท เมื่อเทียบกับมาร์เก็ต แคปสูงสุดในวันที่ 7 มกราคม 2568 แตะระดับ 17,317,456.38 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ถือว่าปรับตัวลดลงแรงค่อนข้างแรง เนื่องด้วยตลาดขาดความเชื่อมั่นอย่างหนัก เกิดแรงขายทางเดียว ภาพรวมของโมเมนตัมตลาดไซด์เวย์ ดาวน์ลงมาต่อเนื่อง โดนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นที่งบแย่อาจจะโดนกระทบหนักสุด
ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาลง ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่สามารถกระตุกความเชื่อมั่นฟื้นคืนมาได้ แม้ตัวเลขส่งออกประกาศออกมาค่อนข้างดี แต่ดูเหมือนไม่เพียงพอเพราะตลาดต้องใช้เม็ดเงินทั้งสถาบันในประเทศและเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาพยุงแต่ดูยากว่าใครจะกล้ามางัดในขานี้
นั่นหมายความว่า สัญญาณกราฟดัชนีจึงมีลักษณะการไหลลงต่อเนื่อง หากดัชนีหลุดระดับ 1,200 จุด อาจลงมาทดสอบระดับ 1,180 จุดได้ แต่เชื่อว่าคงไม่ย่อลงแรงเหมือนในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ดัชนีลงไปทดสอบ 969 จุด
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นร่วงหนัก นักลงทุนที่สนใจอาจรอจังหวะดัชนีย่อตัวลงมาที่ระดับ 1,180 จุด แบ่งซื้อรอบแรก โดยเน้นหุ้นในกลุ่ม SET50 เลือกหุ้นที่ธุรกิจไปได้ต่อ กำไรเติบโต
ด้วยความหวังว่าเมื่อเกิดแรงขายถล่มหนักมักจะมีแรงซื้อหุ้นใหญ่กลับคืนมาช่วยพยุงดัชนีฟื้นกลับขึ้นได้ เพียงแต่รอบการกลับขึ้นครั้งนี้อาจไม่แรงมาก และต้องพิจารณาปัจจัยสนับสนุนหรือปัจจัยลบในช่วงดังกล่าวว่ามีรุนแรงมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ดี ส่วนตัวอยากย้ำนักลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนหนักแบบนี้ควรให้ความสำคัญใน 4 เรื่องนี้ในการเลือกหุ้น นั่นก็คือ
"เทรนด์กำไร"ถ้าหุ้นยังมีกำไรขาขึ้น กำไรเติบโตถือว่าดี ชอบหุ้น Growth
"ราคาไม่แพง"เมื่อเติบโตแล้วต้องมีราคาสมเหตุผลเมื่อเทียบราคาในอดีตและกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
"กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสตอรี่ขับเคลื่อน"
"ปันผลดี"ถือเป็นส่วนแถม หรือสตอรี่สั้นที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับหุ้น
ส่วนกรณีคณะรัฐมนตรี(ครม.)ส่งหนังสือถึงแบงก์ชาติก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)นัดแรกวันพรุ่งนี้(26 ก.พ.68)ด้วยรัฐบาลคาดหวังว่าจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบ 1-3% นั้น ส่วนตัวมองว่าแบงก์ชาติมีกรอบในการพิจารณาชัดเจน ทั้งในแง่ภาพเศรษฐกิจโตต่ำกว่าคาดหรือไม่ และเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์หรือไม่
หากทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่แบงก์ชาติวางไว้ทั้งหมดอาจจะไม่รีบในการออกนโยบายทางการเงิน ในทางกลับกันหากจีดีพีโตต่ำกว่าภาพที่ประเมิน และเงินเฟ้อถอยลงมามากอาจจะเห็นการพิจารณานโยบายออกมาได้เช่นกัน


