ทรัมป์สาบานตนสัปดาห์หน้ากดตลาดผันผวน SETไซด์เวย์ 1,350-1,370จุด
บล.ลิเบอเรเตอร์คาดหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์กรอบ 1,350 - 1,370 จุด เกาะติดรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีน ด้าน "ทรัมป์" สาบานตนรับตำแหน่งสัปดาห์หน้า แนะสะสม “KTB” กำไรไตรมาส 4/68 แกร่งหมื่นล้าน ปี68โตต่อ เคาะเป้า 24 บาท
KEY
POINTS
- หุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์กรอบ 1,350 - 1,370 จุด
- เกาะติดรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีน - "ทรัมป์" สาบานตนรับตำแหน่งสัปดาห์หน้า
- โบรกแนะสะสม “KTB” กำไรไตรมาส 4/68 แกร่งหมื่นล้าน ปี68โตต่อ เคาะเป้า 24 บาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า สหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจหลายตัวในคืนที่ผ่านมา นำโดย ยอดค้าปลีก US เดือนธันวาคม ขยายตัว +0.4%m-m ลดลงจากเดือนพฤศจิกายนที่ +0.8%m-m และต่ำกว่าคาดที่ +0.6%m-m บ่งชี้การขยายตัวในการจับจ่ายใช้สอยที่ต่ำคาด ในขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.17 แสนราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.03 แสนราย ซึ่งสูงกว่าคาดที่ 2.1 แสนราย สะท้อนถึงภาคแรงงานที่ร้อนแรงน้อยกว่าคาดเช่นกัน
วันนี้เกาะติดการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน นำโดย 1)ไตรมาส 4/67 GDP คาดที่ +5.0%y-y เร่งขึ้นจาก +4.6%y-y ในไตรมาส 3/67 2) ยอดค้าปลีก เดือนธันวาคม คาดที่ +3.6%y-y เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +3.0%y-y
และ 3) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม คาดทรงตัวที่ระดับ +5.4%y-y โดยตัวเลขเหล่านี้จะสะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะมีผลต่อการแกว่งตัวของตลาดหุ้นเอเชียในเช้านี้
ส่วนในประเทศ SET ยังอ่อนแอกว่าตลาดภูมิภาค มีความผันผวนมากในหุ้น Mid-Small Caps ท่ามกลางความเชื่อมั่นต่อการลงทุนที่ยังหดตัว อีกทั้งยังมีปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า คือ ทรัมป์จะเข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค.68 ซึ่งเป็นประเด็นที่อาจส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนมากขึ้นได้ ดังนั้นอาจต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยกลยุทธ์ยังเน้นหุ้นกำไรดี และมีปันผลเด่น
คาด SET วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1,350-1,370 จุด เกาะติดการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนวันนี้ ทั้ง GDP, ยอดค้าปลีก และภาคการผลิต อาจส่งผลให้เอเชียผันผวน ขณะที่สัปดาห์หน้ายังมีประเด็นทรัมป์เข้าสาบานตนรับตำแหน่ง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ ดังนั้นอาจเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนระยะสั้นมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำสะสม “KTB” ราคาเป้าหมาย 24 บาท ตลาดคาดกำไรในไตรมาส 4/67 ที่ระดับ 1.04 หมื่นล้านบาท (+70%y-y, -6%q-q) โดยภาพ y-y หนุนจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/66 เนื่องจากมีการตั้งสำรองลูกหนี้รายใหญ่ที่สูง ขณะที่ภาพ q-q คาดชะลอเล็กน้อยตามฤดูกาล ที่ค่าใช้จ่ายจะขยับขึ้น q-q ส่วนด้านสินเชื่อคาดยังเติบโต และคุณภาพสินทรัพย์ทรงตัวดี
ปี 2025 คาดเติบโตราว 10% จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรัฐฯ การเร่งเบิกจ่าย และปัจจุบันเทรดบริเวณ PBV 0.66 เท่า และคาดหวังปันผลอยู่ในระดับน่าสนใจที่ราว 5% ต่อปี


