posttoday

บล.เอเซีย พลัส ประเมิน LTF ครบกำหนดขาย กดดันหุ้น ม.ค.

02 มกราคม 2568

บล.เอเซีย พลัส ประเมิน LTF ครบกำหนดขาย กดดันหุ้น ม.ค. แนะจับตานโยบายทรัมป์ 2.0 ชู 4 กลุ่มหุ้นเด่นน่าลงทุนเดือน ม.ค.68 มองกรอบดัชนีปี 68 ที่ 1,490-1,600 จุด

บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพในช่วงไตรมาส 1/2568 ที่ต้องติดตาม คือ การเปลี่ยนแปลงการเมืองโลก TRUMP 2.0 เป็นเรื่องที่นักลงทุนให้น้ำหนักมากขึ้น เนื่องจากผลกระทบต่อภาคการค้าระหว่างประเทศ เสี่ยงแพร่กระจายไปทั่วโลก (ไม่ใช่แค่จีนประเทศเดียว) โดยคาดสหรัฐจะเริ่มปรับขึ้นภาษีนำเข้าในช่วงไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป กดดัน GDP โลกปี 2568 หดตัว 0.4-0.6% ขณะที่หุ้น TRUMP TRADE และ Dollar Index ปรับตัวขึ้นแรง ตอบรับในเชิงบวกมาระดับหนึ่งแล้ว ปกติจะเริ่มย่อตัวลงในเดือนที่ TRUMP เข้ารับตำแหน่ง ในมุมนโยบายการเงิน Fed ส่งสัญญาณ Hawkish มากขึ้น มีโอกาสลดดอกเบี้ยเพียง 1-2 ครั้ง ในปีนี้ 

ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตตามแต่ละส่วนประกอบของ GDP หลักๆ มาจากความคาดหวังการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบของรัฐบาลไทย อาทิ EASY E-RECEIPT, แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 แต่ระยะถัดไปการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจำกัด จากหนี้สาธารณะ/ GDP เริ่มปริ่มเพดาน 70%

ในมุม Fund Flow ต้นปี 2568 ตลาดหุ้นอาจเผชิญ แรงกดดันจากเม็ดเงิน LTF ที่พร้อมขายได้สูงขึ้นเป็น 2.3 แสนล้านบาท สูงกว่าต้นปีก่อนที่ 1.6 แสนล้านบาท ราว 43% โดยคาดจะเห็นแรงขายออกมาในเดือน ม.ค.2568 เป็น 1.5-2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเดือน ม.ค. ปีอื่นๆ ขณะที่แรงซื้อกองทุน THAIESG อาจชดเชยได้ไม่พอ

ด้านเม็ดเงินต่างชาติ มีโอกาสชะลอช่วงสั้นๆ เนื่องจากนักลงทุนอยู่ในช่วงรอดูนโยบาย TRUMP 2.0 และหากเทียบเคียงยุค TRUMP 1.0 ปี 2561 ที่มีประเด็นสงครามการค้า เป็นปีที่ต่างชาติขายหุ้นไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.87 แสนล้านบาทนอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากการทยอยปรับลด EPS68F ที่ BLOOMBERG ประเมิน EPS25F ที่ 98.5 บาท/หุ้น เทียบเท่ากำไร 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี (เฉลี่ยต่อไตรมาสราว 3 แสนล้านบาท) ถือว่าเกิดขึ้นได้ยาก เพราะสูงกว่ากำไรระดับปกติไตรมาสละ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสร้างความผันผวนได้ 

อย่างไรก็ตาม SET ย่อตัวลงมา อาจมีจังหวะรีบาวน์ได้บ้าง จากความคาดหวังการเติบโตของกำไรบรษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 4/2567 ที่น่าจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากฐานที่ต่ำ โดยงวดไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท และกำไรงวดไตรมาส 3/2567 ที่ 1.9 แสนล้านบาท

ในมุม Valuation เบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเป้าหมายดัชนี ผ่าน EPS68F จาก BLOOMBERG Consensus ที่ 98.5 บาท/หุ้น ซึ่งอาจมี DOWNSIDE ในช่วง 3 เดือนแรกของปี ที่มักถูกปรับลงเฉลี่ย 5.8 บาท/หุ้น จึงทำ SENSITIVITY ของเป้าหมายดัชนีปี 2568 อิง P/E ที่ 16.5 เท่า เมื่อคูณกับ EPS68F ระดับต่างๆ จะได้เป้าหมายดัชนีในปี 2568 ที่ 1,490-1,600 จุด

กลยุทธ์การลงทุนเดือน ม.ค.2568 แนะนำหุ้นเด่นน่าลงทุน 4 กลุ่ม ได้แก่ หุ้นผันผวนต่ำ (AOT, BEM) หุ้นปันผลสูง (BBL, SIRI)  หุ้นรับกระแสกระตุ้นเศรษฐกิจ (ADVICE, BJC) หุ้นยุค TRUMP 2.0 (RCL)
บล.เอเซีย พลัส ประเมิน LTF ครบกำหนดขาย กดดันหุ้น ม.ค.

หุ้นเด่น ม.ค.68

ข่าวล่าสุด

Samsung ผนึก Google Gemini เผยโฉมครัว AI สุดล้ำที่ CES 2026