WHA เร่งปิดดีลกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่ม พร้อมอวดกำไร 9 เดือนแตะ 3,312 ล้านบาท
“จรีพร จารุกรสกุล” แม่ทัพหญิง WHA เดินหน้าเจรจาลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์หลายโครงการ บุ๊กรายได้ขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHAIR ไตรมาส 4/2567 พร้อมอวดกำไร 9 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 55% แตะระดับ 3,113 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผล 0.0669 บาท ขึ้น XD วันที่ 21 พ.ย.นี้
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิว เอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 2,681 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 459 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% และกำไรปกติ 757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ผลงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 9,954 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,113 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นจากการขับเคลื่อนของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ เริ่มจาก "ธุรกิจโลจิสติกส์" ในงวด 9 เดือนแรกมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน, คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 84,658 ตร.ม. และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง จำนวน 100,520 ตร.ม. โดยมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,010,488 ตร.ม. ส่งผลให้ไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้ารวม 404 ล้านบาท และ 1,123 ล้านบาท ตามลำดับ
ล่าสุดโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 ได้มีการเซ็นสัญญาเช่ากับบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต/จัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน พื้นที่ราว 16,000 ตร.ม. และบริษัทดังกล่าวยังเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มอีกราว 17,000 ตร.ม. ส่วนโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม. 23 โปรเจกต์ที่ 3 ล่าสุดมีลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่เพิ่มประมาณ 25,000 ตร.ม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าที่สนใจเช่าพื้นที่อีกหลายราย โดยมียอดเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่(pre-signed)ล่วงหน้า รวมถึงโครงการที่ได้รับการคัดเลือก(award)จากกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าคุณภาพสูงเพิ่มเติมเป็นพื้นที่รวมกว่า 60,000 ตร.ม.
ขณะที่ ธุรกิจให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ “โมบิลิกส์ (Mobilix)” โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรแห่งแรกของไทยที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการรถขนส่งไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ บริการติดตั้งระบบชาร์จ สถานีชาร์จ พร้อมด้วย Mobilix Software Solution ได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้าภาคธุรกิจ หลังจากเปิดให้ทดลองใช้งาน Mobilix Software Solution ได้รับผลตอบรับที่ดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 มีลูกค้าภาคธุรกิจเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าแล้วทั้งสิ้น 281 คัน
ส่วนแผนการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHAIR ในปี 2567 ล่าสุดผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHAIR มีมติอนุมัติให้ทำการลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทมีแผนจำหน่ายทรัพย์สินประเภทคลังสินค้าพื้นที่เช่ารวม 40,172 ตร.ม. เป็นมูลค่าราว 1,065 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2567
ต่อมาที่ "ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม" บริษัทปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2567 เป็น 2,500 ไร่ โดย 9 เดือนแรกของปีนี้ WHA มียอดขายที่ดินรวม 1,791 ไร่ (ไทย 1,695 ไร่ / เวียดนาม 96 ไร่) และยอดเซ็น MOU คงค้างรวม 904 ไร่ (ไทย 872 ไร่ / เวียดนาม 31 ไร่) โดยไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 974 ล้านบาท และ 4,565 ล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ จำนวนยอดการโอนที่ดินเติบโตกว่า 56% จาก 9 เดือนแรกของปีก่อน ประกอบกับราคาขายที่ดินมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น สอดคล้องกับภาวะการลงทุนที่ได้รับปัจจัยบวกจากกระแสการย้ายฐานการลงทุน/ การผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 1,259 ไร่ (ไทย 1,225 ไร่ / เวียดนาม 33 ไร่)
โดยในไตรมาส 3/2567 บริษัทลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินให้กับ Google บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีแผนสร้าง Data Center และ Cloud Region ในประเทศไทย และบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความต้องการใช้พื้นที่อุตสาหกรรมอีกหลายโครงการ สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนของอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์
อีกทั้งบริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งประเทศไทยและเวียดนามทั้งหมด 78,000 ไร่ สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบัน WHA Group มีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 12 แห่งและยังมีโครงการขยาย/พัฒนานิคมฯ ใหม่ 6 โครงการ บนพื้นที่รวมกว่า 10,000 ไร่ ส่งผลให้ในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะมีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,390 ไร่
"ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม" ปัจจุบันมีเขตอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างกำลังพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน เฟส 1 และเฟส 2 พื้นที่รวม 3,125 ไร่ (500 เฮกตาร์) ซึ่งได้เปิดดำเนินการแล้ว และเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน โดยเฟส 1 มีพื้นที่ 1,181 ไร่ (189 เฮกตาร์) คาดว่าจะได้รับอนุมัติใบอนุญาตโครงการภายในปีนี้ อีกทั้งบริษัทฯ ยังมุ่งขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam บนพื้นที่รวม 9,690 ไร่ (1,550 เฮกตาร์)
และอีกหนึ่งธุรกิจ คือ "ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ)" มีการเติบโตต่อเนื่อง ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจสาธารณูปโภครวมในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 812 ล้านบาท และ 2,343 ล้านบาท โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม สำหรับไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 รวมเท่ากับ 42.0 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 125.8 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ
ด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 32.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 99 ล้านลูกบาศก์เมตรตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่มจากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น โดยรวมนั้นมียอดขายและบริหารน้ำที่เติบโตขึ้นเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ขณะที่ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำดิบในไตรมาส 3/2567 มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากกลุ่มลูกค้าพลังงานที่มีการผลิตลดลง
“ปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งได้มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา อาทิ โครงการซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง(Premium Clarified Water)กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCปริมาณ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อใช้ภายในโรงงาน GCในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) เป็นต้น”
ขณะที่ปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศเวียดนาม ปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 9.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 26.8 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปริมาณการจำหน่ายน้ำของโครงการ Doung River ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่การให้บริการ ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยบริษัทมีส่วนแบ่งกำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 2 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
"ธุรกิจไฟฟ้า" บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไร/ ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 357 ล้านบาท และ 1,063 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้ารวมปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ลดลงจากการรับรู้การบันทึกต้นทุนถ่านหินที่สูงในช่วงก่อนหน้า และการแข็งค่าของเงินบาททำให้ได้รับค่า energy payment ลดลง
ขณะที่ "ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์" ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Rooftop เพิ่ม 24 สัญญา กำลังการผลิตรวม 13 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทมีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม 269 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 944 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 697 เมกะวัตต์ และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 247 เมกะวัตต์
“บริษัทได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้ได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed in Tariff เฟส 1 รวม 5 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว 4 โครงการ จำนวน 85 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในส่วนที่เหลืออีก 1 โครงการ จำนวน 40 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ และกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในช่วงปี 2572-2573”
สุดท้ายกับ "ธุรกิจดิจิทัล" เร่งขับเคลื่อนองค์กรไปสู่องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ในปี 2568 ที่มุ่งส่งเสริมศักยภาพของธุรกิจใน WHA Group สู่การสร้างรายได้จากการให้บริการแพลตฟอร์ม ดิจิทัลใหม่ๆ ควบคู่กับการพัฒนาความเชี่ยวชาญของทีมเทคโนโลยี อีกทั้งยังมีโครงการ AI Transformation จำนวน 12 โครงการ ที่มุ่งเน้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์และต่อยอดสร้างเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อาทิ Solar Anomaly ตรวจจับปัญหาที่เกิดขึ้นกับแผงโซลาร์เพื่อการดูแลรักษาที่รวดเร็ว Solar Forecasting ประเมินและคาดการณ์ปริมาณแสงแดดล่วงหน้า และ RO System Performance Forecasting ที่ใช้ Data Analytics เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น
ปันผล 0.0669 บาท
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือนปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.0669 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 6 ธันวาคม 2567
เจาะเกมครึ่งหลัง “WHA” จ่ออัพเป้ายอดขายที่ดินพุ่งรับย้ายฐานลงทุน
WHA เดินหน้า Green Logistics รถขนส่งไฟฟ้า-สถานีชาร์จ ตั้งเป้าเซ็น 1,000 คัน


