WHA เดินหน้า Green Logistics รถขนส่งไฟฟ้า-สถานีชาร์จ ตั้งเป้าเซ็น 1,000 คัน
“จรีพร จารุกรสกุล” ซีอีโอ WHA โชว์กำไรไตรมาส 1/2567 เพิ่มขึ้น 161% ปันผลอีก 0.1170 บาท และประกาศเดินหน้าลงทุน “Green Logistics” แบบครบทุกมิติ ทั้งรถขนส่งไฟฟ้า ติดตั้งระบบชาร์จ สถานีชาร์จ ตั้งเป้าเซ็นสัญญาปีนี้ 1,000 คัน
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้ายกระดับองค์กรในทุกมิติเพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 นี้ ภายใต้ภารกิจ “Mission To The Sun” โดยมุ่งเน้นโครงการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล การสร้างผลิตภัณฑ์ และมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ พร้อมเสริมศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทโดยโครงการที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ โครงการ Green Logistics ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา WHA Green Mobility Platform (W-GMP) ที่รวมบริการต่างๆ สำหรับลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้าภาคธุรกิจตั้งแต่การบริหารยานพาหนะ (Fleet Management) การวางแผนเส้นทาง (Route Optimization) จนถึงการเชื่อมโยงโครงข่ายสถานี อัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Roaming) โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดตัวแพลตฟอร์ม W-GMPได้ภายในไตรมาส 2/2567 ด้วยแพลตฟอร์มดังกล่าว บริษัทถือเป็นผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้ารายแรกที่ให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศ (End-to-end process)
ทั้งนี้ บริษัทพัฒนาโครงการ AI Transformation จำนวน 12 โครงการ ที่เน้นการนำเทคโนโลยี AI อย่าง AI & ML Data Insight, AI Cybersecurity และ Generative AI มาขับเคลื่อนองค์กรที่เป็นการพัฒนาต่อยอดโครงการ Digital Transformation กว่า 38 โครงการ
ล่าสุดบริษัทจัดตั้ง บริษัท โมบิลิกส์ จำกัด (Mobilix) แบรนด์ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/67 ประสบความสำเร็จมีลูกค้าเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้วกว่า 176 คัน และคาดว่าทั้งปี 2567 จะมีลูกค้าเข้ามาเซ็นสัญญาเพิ่มได้ถึง 1,000 คัน ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้
"บริษัทเน้นให้ความสำคัญกับการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในภาคขนส่งของประเทศ ภายใต้การลงทุนในโครงการ Green Logistics ที่ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร อาทิ การให้บริการรถขนส่งไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ การติดตั้งระบบชาร์จ สถานีชาร์จ พร้อมด้วย WHA Green Mobility Platform (W-GMP) แพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ให้กับลูกค้า"
WHA รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 3,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% และกำไรสุทธิ 1,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161% ตามลำดับ ขณะที่รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% และกำไรปกติ 1,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากอัตราการเติบโตของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจที่สร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติม สำหรับงวดปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.1170 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผล 24 พฤษภาคม 2567 สะท้อนศักยภาพความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ธุรกิจโลจิสติกส์ ในไตรมาส 1/2567 มีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน คลังสินค้าสำเร็จรูป เพิ่มรวม 29,623 ตารางเมตร และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวน 33,455 ตารางเมตร ทำให้บริษัทมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 2,960,056 ตารางเมตร ส่งผลให้ไตรมาส 1/2567 บริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 297 ล้านบาท
สำหรับโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 หลังจากที่เฟส 1 มีผู้เช่าเต็มพื้นที่แล้ว บริษัทจึงเร่งพัฒนาเฟส 2 เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ล่าสุดบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์ได้ลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่เพิ่มเติมกว่า 10,800 ตารางเมตร จากเดิมที่ได้เช่าพื้นที่ไปแล้ว 46,200 ตารางเมตร และยังมีแผนเช่าพื้นที่คลังสินค้าในเฟส 2 เพิ่มอีก 9,000 ตารางเมตร
“โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจกต์ที่ 3 พื้นที่รวมกว่า 91,000 ตารางเมตร บนที่ดิน 102 ไร่ รองรับกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรม อาทิ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ผู้ผลิตสินค้า และผู้ให้บริการขนส่งสินค้า ควบคู่ไปกับแผนพัฒนาโครงการใหม่บนที่ดิน 300 - 400 ไร่ บนทำเลยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ รองรับความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้า หรือ โรงงานคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้น และร่วมมือกับบริษัท ไดวะ เฮ้าส์ อินดัสทรี คัมปะนี ลิมิเต็ด เปิดศูนย์โลจิสติกส์ “DPL Vietnam Minh Quang” บนพื้นที่ใช้สอย 42,330 ตารางเมตร ภายในเขตอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน ประเทศเวียดนาม ซึ่งได้วางศิลาฤกษ์และเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา”
ส่วนแผนการขายทรัพย์สินหรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART และ WHAIR รวมประมาณ 213,000 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าราว 5,290 ล้านบาท บริษัทเตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHART และ WHAIR เพื่อขออนุมัติในช่วงไตรมาส 2/2567
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ไตรมาส 1/2567 บริษัทมียอดการโอนที่ดินสูงขึ้นมากกว่าสองเท่าตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอานิสงส์จากการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายที่ดินรวม 629 ไร่ (ไทย 575 ไร่ / เวียดนาม 55 ไร่) และยอดลงนาม MOU รวม 715 ไร่ (ไทย 669 ไร่ / เวียดนาม 46 ไร่) ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 2,130 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้า (Backlog) สูงถึง 1,087 ไร่ (ไทย 1,052 ไร่ / เวียดนาม 34 ไร่)
“ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายที่ดินเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับลูกค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากประเทศจีน ตอกย้ำการเป็นจุดหมายด้านการผลิตและการลงทุนของภูมิภาคที่สำคัญของอุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) อย่างอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ยานยนต์ไฟฟ้า และ ดิจิทัล”
ปัจจุบัน บริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งประเทศไทยและเวียดนามทั้งหมด 77,600 ไร่ รวมพื้นที่ซึ่งเปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทยจำนวน 12 แห่ง อีกทั้งยังมีโครงการพัฒนานิคมฯใหม่และขยายนิคมฯ รวม 7 โครงการ บนพื้นที่รวมเกือบ 10,000 ไร่ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,000 ไร่ ในปี 2570 สำหรับโครงการนิคมฯ ใหม่ล่าสุด ได้แก่ โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (3,400 ไร่) บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในสิ้นปี 2567 นี้
สำหรับประเทศเวียดนาม บริษัทมีเขตอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้วและกำลังพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 - เหงะอาน ซึ่งเฟส 1 มีผู้เช่าเกือบเต็มพื้นที่แล้ว และเฟส 2 ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำได้เช่าพื้นที่ไปแล้วรวมกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่เฟส 2 จากความสำเร็จของทั้ง 2 เฟส บริษัทเร่งพัฒนาเฟส 3 เบื้องต้นอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตคาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam
ธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจน้ำปรับตัวดีต่อเนื่องส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมในธุรกิจสาธารณูปโภคในไตรมาส 1/67 เท่ากับ 771 ล้านบาท โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 40.3 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศ 32.2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากการเติบโตขึ้นของปริมาณยอดจำหน่ายน้ำทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม และน้ำดิบที่มีความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี นอกจากนี้ บริษัทลงนามในสัญญาการให้บริการน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง(Premium Clarified Water) ปริมาณการผลิต 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ให้กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงเดือนกันยายนนี้
ขณะที่ปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/2567 บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 8.2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปริมาณยอดขายและการบริหารน้ำของโครงการ Duong River เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายพื้นที่การให้บริการและปริมาณความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่
ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไร/ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไตรมาส 1/2567 เท่ากับ 352 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าโดยรวมเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า GHECO-One ที่เพิ่มขึ้นจากการหยุดซ่อมบำรุงลดลง ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPPs ที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในไตรมาส 1/2567 บริษัทได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 16 สัญญา แบ่งเป็นโครงการ Private PPA 15 สัญญา มีกำลังการผลิตประมาณ 59 เมกะวัตต์ และโครงการ EPC Service 1 สัญญา กำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 มีการเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมรวม 242 เมกะวัตต์ นอกจากนี้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์รวม 125 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ราว 792 เมกะวัตต์
ส่วนโครงการที่บริษัทได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในการได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed in Tariff (FiT) เฟส 1 จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ บริษัทคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ภายในไตรมาส 2/2567
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "WHA" ซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้(13 พ.ค.67) ณ เวลา 11.21 น. อยู่ที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท คิดเป็น +4.95% มูลค่าการซื้อขาย 513.54 ล้านบาท ราคาขึ้นสูงสุด 5.40 บาท และลดลงต่ำสุด 5.15 บาท
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้า WHA มีแผนที่จะสร้างนิคมฯ และขยายพื้นที่นิคมฯเดิม รวมเกือบ 10,000 ไร่ ส่งผลให้WHA มีพื้นที่นิคมฯในไทยกว่า 52,000 ไร่ และโครงการ WHA ESIE 5 ขนาด 3,400 ไร่ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2567 นี้ สำหรับนิคมฯเวียดนาม ปัจจุบันมีที่ดินรวมกว่า 23,000 ไร่ โดย WHA กำลังขยายพื้นที่เพิ่มซึ่งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจากภาครัฐเวียดนามโดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตภายในปีนี้เช่นกัน นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่ามีโอกาสสูงที่ WHA จะปรับเป้าหมายการขายที่ดินปี 2567 ที่ 2,275 ไร่ (ไทย 1650 ไร่ , เวียดนาม 625 ไร่) เนื่องจากยอดขายที่ดิน 1Q67 ทำได้ 630 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 28 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2567โดยไตรมาส 1 มักจะเป็นงวดที่มียอดขายที่ดินต่ำสุดในรอบปี
นอกจากนี้ outlook ของนิคมฯ ยังคงสดใสมาก BOI เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1Q67 เติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีคำขอรับการส่งเสริม 724 โครงการ (+94%YoY) รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 228,207 ล้านบาท (+31%YoY) นำโดย 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ (77,194 ล้านบาท) ยานยนต์และชิ้นส่วน (21,328 ล้านบาท) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์(17,672 ล้านบาท
ด้วยปัจจัยต่างๆที่หนุนธุรกิจนิคมฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลให้เกิด sentiment การย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้าไทยสะท้อนจากยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ปรับเพิ่มทั้งมูลค่าและจำนวนโครงการ ประกอบกับทาง WHA ที่มีแผนที่จะสร้างนิคมฯในไทยและเวียดนามเพิ่มอีกจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสม โดยอิง Historical PER 10ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 20 เท่า ได้ราคาเหมาะสม 5.95 บาท มี upside 18% ให้คำแนะนำเป็น Outperform
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6 บาท WHA รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1,400 ล้านบาท (+161%yoy,-44%qoq) สูงกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์และตลาดคาดที่ 46% และ 70% ตามลำดับ กำไรสุทธิสูงกว่าที่คาดหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด และ SG&A-to-sales ที่ต่ำกว่าคาด แนวโน้มปี2024 คงมุมมองเชิงบวกต่อ WHA จาก Demand ที่แข็งแกร่งจากหลากหลายตัวอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะหนุนยอดขายที่ดิน
เชียร์ซื้อ แนวต้าน 5.55-5.80 บ.
บล.กรุงศรี ระบุว่า WHA ราคาปรับขึ้นแรงรับรายงานกำไร 1Q24F แข็งแกร่ง และยังมีโมเมนตัมดีระยะถัดไป อานิสงส์นโยบายรัฐบาลไทยเร่งดึง FDI ผสาน มีจิตวิทยาบวกกรณีวันอังคาร 14 พ.ค.67 สหรัฐฯเตรียมเพิ่มภาษีนำเข้ากับจีนในสินค้าบางรายหนุนภาพการย้ายฐานการผลิตมาในอาเซียน รวมถึงไทย บวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.55 / 5.8 บาท แนวรับ 5.15 / 5.05 บาท จุด Cut loss ต่ำกว่า 5 บาท


