posttoday

PCE เปิดเทรดวันแรก 2.60 บาท เหนือจอง 14.04%

12 กันยายน 2567

PCE เปิดเทรด SET วันแรก 2.60 บาท พุ่ง 14.04% จากราคาไอพีโอ 2.28 บาท เดินหน้าขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีน สร้างการเติบโตสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรในระดับประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (12 ก.ย.2567) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจธุรกิจการเกษตร โดยเปิดที่ราคา 2.60 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.32 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 14.04% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.28 บาท 
 
ล่าสุด ปิดซื้อขายช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับเพิ่มขึ้น 0.18 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 7.89% มาอยู่ที่ 2.46 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 629.43 ล้านบาท

PCE เปิดเทรดวันแรก 2.60 บาท เหนือจอง 14.04%

ทั้งนี้ PCE ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ในธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) โดยแบ่งได้เป็น 1) กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันไบโอดีเซล และน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค ซึ่งรวมถึงการซื้อน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาจำหน่ายต่อให้กับลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ 2) กลุ่มธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ 3) กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางรถ4) กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ

PCE เสนอราคาขาย IPO ที่ 2.28 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 750,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 27.27% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังจากหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะของบริษัท

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้

1.การลงทุนในกิจการอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องตามกลยุทธ์การขยายกิจการทั้งในรูปแบบ Backward Integration, Forward Integration และ Horizontal Integration โดยเน้นการลงทุนในส่วนของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) 
2.การลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อขยายกำลังการผลิต และเพื่อปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงาน NBD (บริษัทย่อย)
3.เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม PCE

ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ อยู่ที่ 28,041.14 ล้านบาท 32,656.43 ล้านบาท และ 24,669.68 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 739.52 ล้านบาท 180.61 ล้านบาท และ 310.73 ล้านบาท ตามลำดับ 

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ อยู่ที่ 12,889.80 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 209.93 ล้านบาท

นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยว่า หุ้น PCE ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรของ PCE 

ทั้งนี้ PCE ได้วางยุทธศาสตร์สร้างการเติบโต เพื่อก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรระดับประเทศ ผ่านกลยุทธ์ที่เป็นจุดแข็งของกลุ่มบริษัท ได้แก่ 1) ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร และความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) โดยกลุ่มบริษัทฯ มีกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ ตลอดจนกระบวนการขนส่งที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบ One Stop Service ด้วยประสบการณ์ตรงในอุตสาหกรรมกว่า 40 ปี 

2) ทำเลที่ตั้งของกลุ่มบริษัทฯ อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของแหล่งวัตถุดิบ ใกล้ลูกค้า และท่าเรือ และ 3) กระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพของกลุ่มบริษัทฯ ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล

บริษัทวางแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO ไปเสริมศักยภาพการเติบโต โดยจะลงทุนขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 เท่าตัว จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 60 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง เพิ่มเสถียรภาพในการจัดหาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบสำหรับนำเข้าสู่กระบวนการกลั่นต่อไป 

รวมทั้งลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อใช้ในการบริโภคเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 เท่าตัว เช่นเดียวกัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน โดยโรงงานทั้ง 2 แห่ง เดินอัตราการใช้กำลังการผลิตไปแล้ว 80-90% ของกำลังการผลิตติดตั้ง 

ตลอดจนใช้เงินระดมทุนเพื่อยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น รองรับการขยายตลาดในทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและตลาดส่งออก พร้อมทั้งลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการวิจัย และพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และสร้างโอกาสในตลาดใหม่ๆ ในอนาคต

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า PCE ถือเป็นหุ้นที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

PCE มีโอกาสเติบโตตามทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มทั้งจากกำลังซื้อภายในประเทศ และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคอุปโภค กลุ่มพลังงานทดแทนที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการใช้โอเลโอเคมิคอลเพื่อเป็นส่วนประกอบในสินค้า เช่น เครื่องสำอาง สบู่ ครีมบำรุงผิว เป็นต้น ตลอดจนอุตสาหกรรมน้ำมันไบโอดีเซล ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลก

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า มั่นใจว่า PCE จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน ด้วยจุดเด่นในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน ที่ให้บริการลูกค้าได้แบบ One Stop Service ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เป็นผู้ประกอบการที่มีพันธมิตรทางการค้าอย่างเหนียวแน่น