SET อ่อนตัวระยะสั้น แต่ปัจจัยภายในยังเด่น แนะ “Selective Buy” ชู BDMS และ DIF
SET อ่อนตัวระยะสั้น ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับลงแรง จากแรงขายหุ้น Nvidia แต่ปัจจัยภายในยังเด่น กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ BDMS และ DIF
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า การปรับลงแรงของตลาดหุ้นสหรัฐ นำโดยแรงขายหุ้น Nvidia กระทบ SET เพียงช่วงสั้น เนื่องจากมองปัจจัยภายในยังมีแรงหนุนจากรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้ SET มีความโดดเด่น เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น ต่างประเทศอื่นๆ ด้านแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,360 และ 1,350 จุด ตามลำดับ ยังรองรับได้ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,370 และ 1,375 จุด ตามลำดับ
ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway Up จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลายไตรมาส 3-4/2567 บวกกับมอง ธปท. เปิดโอกาสเตรียมลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น รวมไปถึงกระแส Fund Flow คาดยังไหลเข้าในตลาด EM ต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาท และเอเชียแข็งค่าขึ้น โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะไหลออกจากกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี สื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์ เข้าสู่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ และการแพทย์ ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยคาด ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและจีนจะชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy“ ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากคาดรัฐบาลใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในช่วง ก.ย. นี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แนะนำ CPALL CPAXT TNP CBG
2) นักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตลงทุนระยะสั้น แนะนำหุ้นปันผลคุณภาพดีที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากำไรครึ่งแรกปี 2567 โดยให้ Div. Yield ตั้งแต่ 1.5% ขึ้นไป แนะนำ HTC BCP BBL
3) นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำกลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF)
4) หุ้นที่กลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนต้มกำไรยังดี โดยไตรมาส 3/2567 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วนครึ่งหลังปี 2567 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF BDMS BEM
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BDMS มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มการแพทย์และกำไรจะแข็งแกร่งขึ้นในครึ่งหลังปี 2567 โดยไตรมาส 3/2567 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเติบโต QoQ จากเข้าสู่ High Season ขณะที่ทั้งปี 2567 คาดมีกำไรปกติเติบโต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่นล้านบาท อีกทั้ง valuation ยังอยู่ในระดับต่ำที่ PER 67F ระดับ 27 เท่า (-2SD) วันนี้แนะนำราคาเข้าซื้อไม่เกิน 27.50 บาท
DIF มองได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรที่กำลังเปลี่ยนเป็นขาลง และราคาหน่วยลงทุน DIF ปรับขึ้นช้ากว่ากลุ่ม REIT ขณะที่คาดให้ Dividend Yield ปี 2567 ถึง 11.5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 8.6% อีกทั้งมองความเสี่ยงที่ TRUE (ถือ DIF อยู่ 20.6%) จะขายหน่วยลงทุน DIF ออกมาอีกอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากฐานะการเงินดีขึ้นชัดเจนหลังควบรวมกิจการ


