posttoday

หวัง "วายุภักษ์-ดิจิทัลวอลเล็ต"คลอดจริง จุดพลุหุ้นไทยได้ไปต่อ

03 กันยายน 2567

"บัวหลวง" คาดหวังเม็ดเงิน "วายุภัษ์ และ ดิจิทัลวอลเล็ต" หนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้แม้ภาพดัชนีช่วง 4 เดือนสุดท้ายยังผันผวน หั่นเป้าปลายปีนี้แตะ 1,396 จุด แนะจัดพอร์ตลงทุน“ตราสารหนี้”มากกว่าสินทรัพย์เสี่ยง

"ตลาดหุ้นไทย Underperform ต่อเนื่อง 2 ปีติด โดยในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลดลงกว่า 10-12%  หลังกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในครึ่งปีแรกออกมาขยายตัวเพียง 3% ถือว่าโตต่ำกว่าคาด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเป้าหมายทั้งปีที่คาดจะโต 14% ด้วยการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐที่เพิ่งออกมาเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งรัฐบาลยังโฟกัสอยู่ที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหลัก ขณะที่ยังมีปัญหาอีกหลายเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขทั้งเรื่องสินค้าราคาต่ำของจีนทะลักเข้าไทย ทำให้ธุรกิจ SME ของไทยมีปัญหา"

     นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงวันที่ 20 ส.ค.67 สร้างผลงานรั้งท้ายตลาดหุ้นเอเชีย หากเปรียบเทียบผลตอบแทนบนสกุลเงินท้องถิ่น โดยให้ผลตอบแทน -6.1% เมื่อเทียบตลาดหุ้นในเอเชียที่มีผลตอบแทนสูงสองหลักขึ้นไป โดยตลาดหุ้นไต้หวันให้ผลตอบแทนสูงสุด เพิ่มขึ้น +25%, ญี่ปุ่น +14% และเวียดนาม (ดัชนี VN30) +15% ขณะที่ตลาดหุ้นจีน ลดลง -3.6% 

     ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2567 ทีมวิจัยหลักทรัพย์ฯปรับลดเป้าหมายปลายปีนี้ลงมาที่ระดับ 1,396 จุด จากเดิมที่คาดเป้าหมายปีนี้ที่ระดับ 1,466 จุด ซื้อขายบน Forward P/E 15.60 เท่า และคาดกำไร บจ. รวมเติบโต 7.5% แม้แนวโน้มกำไร บจ. ครึ่งปีหลังจะได้ประโยชน์จากท่องเที่ยวและส่งออก แต่กลุ่ม Domestic ยังคงต้องพึ่งพิง Demand ภายในประเทศที่ฟื้นตัวได้ช้าเป็นหลัก เช่น ธุรกิจก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย, สื่อโฆษณา และการเงินเพื่อการบริโภค ที่ภาพรวมยังดูไม่ค่อยดี 

“เป้าหมายดัชนีปลายปีนี้ เรายังไม่ได้รวมดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งยังต้องติดตามข่าวการปรับเปลี่ยนการแจกเป็นเงินสด คาดว่าจะเกิดขึ้นปลายปีนี้ เบื้องต้นมีมุมมองว่าการแจกเงินสดเป็นการเติมเงินเข้าระบบที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอาจช่วยกระตุ้นให้ GDP เพิ่มขึ้น0.3% จากคาดการณ์ GDP ปีนี้ที่ 2.6% ซึ่งเราหวังจะเห็นนโยบายอื่นๆของรัฐบาลออกมาเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ 
     ส่วนกองทุนวายุภักษ์ใหม่คาดหวังเม็ดเงินจะเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หรือมากที่สุดควรมากกว่า 1.5-2 แสนล้านบาท แต่ต้องยอมรับว่ากองทุนวายุภักษ์อาจทำให้ตลาดหุ้นไทยสร้างผลตอบแทนไม่สูงมากเมื่อเทียบกับในอดีต เนื่องด้วยรอบนี้ไม่มีการลดอัตราภาษีนิติบุคคลของบริษัทจดทะเบียนเหมือนในรอบแรก และประเทศยังมีข้อจำกัดด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ ทั้ง หนี้ครัวเรือนและเข้าสู่ช่วงสูงวัย รวมถึงมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทยปัจจุบันโตกว่าในอดีตกว่า 10 เท่า ทำให้เม็ดเงินวายุภักษ์เมื่อเทียบกับมาร์เก็ตแคปตลาดต่ำกว่าในอดีตค่อนข้างมากราว 0.6-1%”

     ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯและจีนที่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจเติบโตชะลอตัว ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ทั้ง สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่อาจเข้มข้นขึ้นหากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งปลายปีนี้จะส่งผลให้ไทยได้รับผลกระทบด้านลบตามไปด้วย, เรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลายประเทศเติบโตแบบชะลอตัว, เรื่องความมั่นคงทางการเมืองและการดำเนินนโยบายต่อเนื่องของภาครัฐ, เรื่องสงครามทั่วโลกที่ยังเป็นความเสี่ยง และเรื่องความท้าทายของการเปลี่ยนแพลตฟอร์มการค้าขายสู่ระบบ AI

     ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ตอนนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อต่ำและการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังมีความเสี่ยง แต่คาดว่า กนง. อาจลดดอกเบี้ยตามหลังสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 4/67 และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับดอกเบี้ยลดลง 0.75% รวม 3 ครั้ง หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในช่วงการเติบโตแบบชะลอตัว พร้อมลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2568

    กลยุทธ์ลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ แนะนำจัดพอร์ตลงทุนแบบตั้งรับอย่างเต็มตัว เพื่อตั้งการ์ดรับมือกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และหลายประเทศคู่ค้าของไทยที่เติบโตชะลอตัว รวมถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและสินทรัพย์ต่างๆเกิดความผันผวนได้

     ล่าสุดทีมวิจัยหลักทรัพย์ฯได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลงมาอยู่สัดส่วน 20% จากต้นปี 67 ที่อยู่ราว 60-80% และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตราสารหนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวในสัดส่วน 80% ส่วนตลาดหุ้นเวียดนาม แนะให้ลดน้ำหนักการลงทุนจาก 13% เป็น 9%, ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จาก 12% เป็น 6% ส่วนตลาดหุ้นจีนและญี่ปุ่นแนะขายไปก่อนหน้ายังไม่ให้น้ำหนักลงทุน ขณะที่หุ้นไทยให้น้ำหนักการลงทุนสัดส่วนต่ำ 2% ของพอร์ตรวม 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด แมนยู พบ บอร์นมัธ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 15 ธ.ค.68