posttoday

NEO รุกขยายพอร์ตฯ “พรีเมียมแมส” ปักธง 3 ปี มีสัดส่วน 10% ดันรายได้โตเลขสองหลัก

11 มิถุนายน 2567

NEO เปิดกลยุทธ์ Premiumization รุกขยายพอร์ตฯ “พรีเมียมแมส” ส่งนวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม ยกระดับประสิทธิภาพสินค้า ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รับตลาด FMCG เติบโต วางเป้า 3 ปี กลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมแมส สัดส่วนเพิ่มเป็น 10% ดันรายได้เติบโต Double Digits ต่อเนื่อง

นางสาวณิชมน ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายนวัตกรรมธุรกิจ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO เปิดเผยว่า แลนด์สเคปตลาดสินค้าอุปโภคในยุคนี้มีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดย NEO มองเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน  ที่เริ่มยกระดับประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภททั่วไป (Mass) สู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมแมส (Premium Mass) และพรีเมียม (Premium) มากขึ้น 

โดยผู้บริโภคในปัจจุบันใส่ใจดูแลตัวเองและให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า จึงมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะทางที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสร้างความพึงพอใจได้อย่างตรงจุด ยินดีจ่ายแพงขึ้นสำหรับสินค้าที่คุ้มค่ากว่า

แผนการตลาดภายใต้กลยุทธ์ Premiumization บริษัทมุ่งตอกย้ำการเป็นผู้นำในการส่งมอบสินค้าที่มีนวัตกรรมให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้าขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์กลุ่มพรีเมียมแมส (Premium Mass) ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ในทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care Products) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก (Baby and Kids Products) ภายใต้แนวคิดการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรมที่โดดเด่นและแตกต่าง ผ่านการวิจัยและพัฒนาที่นำความเชี่ยวชาญตลอดระยะเวลากว่า 34 ปี สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มอบประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้นให้กลุ่มผู้บริโภคทุกเพศและทุกวัยในหลากหลายมิติ

ไม่ว่าจะเป็นการค้นคว้าวิจัยส่วนผสมหลักจากสารสกัดจากธรรมชาติที่อ่อนโยนกับผู้มีผิวแพ้ง่าย การสร้างสรรค์แนวกลิ่นหรูหราที่ให้ประสบการณ์ความหอมแบบน้ำหอมพรีเมียมระดับโลก นวัตกรรมการช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นยาวนานพิเศษ นวัตกรรมการกำจัดกลิ่นเฉพาะตัวของผู้สูงวัย (Silver Age) และการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบ Pet Friendly สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงในที่อยู่อาศัย เป็นต้น โดยวางเป้าหมายภายใน 3 ปี (2567-2569) สัดส่วนรายได้ของผลิตภัณฑ์พรีเมียมแมส (Premium Mass) ของบริษัทเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 5% ของผลิตภัณฑ์โดยรวม 

โดยในเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมแมส (Premium Mass) จำหน่ายสู่ท้องตลาดไปแล้วกว่า 10 รายการ (SKUs) อาทิ สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์โคโลญสำหรับผู้หญิง ภายใต้แบรนด์ เอเวอร์เซ้นส์ (Eversense) สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ภายใต้แบรนด์ บีไนซ์ (BeNice) และสินค้านวัตกรรมเพื่อกลุ่มผู้สูงวัย (Silver Age) ภายใต้แบรนด์ ดีนี่ ดีลักซ์ (D-nee Deluxe) ที่ได้รับความสนใจและการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ ดีนี่ ดีลักซ์ (D-nee Deluxe) ติดอันดับสินค้าที่สร้างยอดขายโดดเด่นให้กับบริษัทตั้งแต่เปิดตัวสินค้าในเดือนแรก  

“เราเป็นผู้ทำการตลาด ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคชั้นนำของประเทศไทยที่เข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง เรามองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มช่องว่างความต้องการต่างๆ ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราให้ความสำคัญในการทำวิจัย และพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนอง Pain Point ของผู้บริโภคในแต่ละช่วงอายุ ที่ยังไม่มีใครในตลาดสามารถตอบโจทย์ได้ นอกจากนี้เรายังมีการทดสอบสินค้าใหม่ๆ อย่างเข้มข้นก่อนที่จะออกสู่ตลาด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าทุกตัวที่ออกไปจะได้รับเสียงตอบรับที่ดี เพราะเราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ดีจริงเท่านั้น ถึงจะขายตัวเองได้” นางสาวณิชมน กล่าว 

ขณะเดียวกัน จากการดำเนินกลยุทธ์ Premiumization ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยส่งมอบสินค้าที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภคนี้ จะเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังการซื้อสูงและกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้อย่างครอบคลุม พร้อมผลักดัน NEO สู่การเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชียที่สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน ดันรายได้เติบโต Double Digits ต่อเนื่อง