posttoday

"บลจ.อเบอร์ดีน"ชี้หุ้นไทยความเสี่ยงขาลงจำกัด คาดกำไร 1Q67 พลิกกลับมาโต 10%

16 พฤษภาคม 2567

"บลจ.อเบอร์ดีน"ประเมินหุ้นไทยโอกาสฟื้นตัวแรงรับ"เศรษฐกิจไทยฟื้น-กำไรบริษัทจดทะเบียนปี67 พลิกกลับมาโต 10% - Valuation หุ้นอยู่ระดับน่าสนใจ" ลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ย มองจังหวะทยอยสะสมหุ้นคุณภาพดี แนะนำกองทุน ABSM เน้นหุ้นขนาดกลางและเล็ก มีศักยภาพเติบโตแข็งแกร่ง

     นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อเบอร์ดีน มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นไทยใน 6-12 เดือนข้างหน้า และมองความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับฐานลงต่อมีค่อนข้างจำกัด จึงเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้น รับเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเริ่มมีสัญญาณที่ดีชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ และน่าจะส่งผลให้กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาเข้ามาลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ได้ แต่การลงทุนยังคงต้องระมัดระวังและเน้นเลือกหุ้นรายตัวที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่นกว่าตลาดโดยรวม

     สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 

     1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งมองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1 และคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้ หลังจากงบประมาณรายจ่ายรัฐบาลประจำปี 2567 ผ่านการอนุมัติในช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเร่งเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนพ.ค. ทั้งนี้ เรายังคงต้องติดตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วยว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนในไตรมาส 4 ปีนี้หรือไม่ 

     2.การเติบโตของอัตรากำไรบจ.ในตลาดหุ้นไทย (SET Earning Per Share: SET EPS) คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% ในปี 2567 (ที่มา abrdn เมษายน 2567) ซึ่งฟื้นตัวจาก -11% ในปีที่ผ่านมา (ที่มา Bloomberg เมษายน 2567) โดยมองว่ายังมีหลายกลุ่มธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ชัดเจน (earnings visibility) และเติบโตดีกว่าภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ เช่น กลุ่มท่องเที่ยว,พาณิชย์,การแพทย์,นิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 

     3.Valuation ยังไม่แพง ซึ่งที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวลดลงแตะระดับ 1,330 จุด ทำจุดต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่วิกฤติโควิด จากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นแรงเกิดคาด รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้เงินลงทุนไหลกลับไปสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม SET Index ปรับฐานลงมาอยู่ในระดับน่าสนใจ ด้วย forward P/E  ที่ 14 เท่า คิดเป็นอัตราส่วนลด (discount) 18% จากค่าเฉลี่ย P/E ในอดีต 10 ปี ซึ่ง อยู่ที่ 17 เท่า (ที่มา Bloomberg เมษายน 2567)

     นอกจากนี้เมื่อเทียบส่วนต่างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกับผลตอบแทนจากพันธบัตร(earnings yield gap) ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 4.4% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3.6% สะท้อนจังหวะที่น่าสนใจลงทุน เมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ 2.72% อีกทั้ง SET Index ณ ระดับปัจจุบันสะท้อนการเติบโตของกำไรต่อหุ้นปีนี้น้อยกว่า 2% ซึ่งสะท้อนความกังวลต่อความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของกำไร บจ.ไปมากแล้ว (ที่มา Bloomberg เมษายน 2567)

     "อเบอร์ดีนยังเห็นโอกาสที่หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากแนวโน้มของการเติบโตของเศรษฐกิจต่ำกว่าระดับที่ควรจะเป็น ซึ่งหากย้อนดูสถิติในอดีตนับตั้งแต่ปี 2544 จะพบว่า 4 ใน 5 ครั้งที่ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นแรงถึง 20-30% โดยมีเพียงครั้งเดียวที่ตลาดไม่ได้ขึ้นแรง คือก่อนที่จะเกิดวิกฤติโควิดในปี 2562 ดังนั้น แม้ว่าปัจจัยภายนอกประเทศจะกดดันความเชื่อมั่นในการลงทุนตลาดหุ้นไทยไปบ้าง แต่เรามองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เริ่มทยอยเข้าสะสมหุ้นในบริษัทที่มีคุณภาพและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาว"

     ทั้งนี้ อเบอร์ดีนยังเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุก เน้นการคัดสรรหุ้นรายตัวและวิเคราะห์เชิงลึกในแต่ละบริษัท โดยเฉพาะหุ้นที่ valuation ยังไม่แพงและมีศักยภาพแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าตลาดในระยะยาวอย่างน้อย 1-3 ปี 

     สำหรับกองทุนหุ้นไทยที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ (ABSM) เน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก ซึ่งให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จากการเติบโตเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศไทย เช่น กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจสุขภาพ และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์ที่บริษัททั่วโลกย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปสู่ประเทศอื่นๆ ขณะที่ผลการดำเนินงานของ ABSM ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาทำได้ดีกว่าดัชนีชี้วัด(SET TRI)โดยหุ้นที่ถือครองในพอร์ตอันดับต้นๆปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยแนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทที่แข็งแกร่งในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งกลุ่มการแพทย์ กลุ่มไอที และกลุ่มธุรกิจบริการเฉพาะกิจ(professional services) แม้จะมีแรงขายทำกำไรในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากผลตอบแทนโดดเด่นช่วงก่อนหน้า(ตั้งแต่ ธันวาคม 2566-กุมภาพันธ์ 2567 ที่มา Bloomberg)ประกอบกับการเผชิญกับความท้าทายในระยะสั้น จากการฟื้นตัวที่ช้าในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

     "ที่ผ่านมาหุ้นขนาดกลางและเล็กเคลื่อนไหวไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดโดยรวม แต่ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทมากกว่า จึงมองจังหวะที่ตลาดปรับฐานเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีคุณภาพดีและราคาปรับตัวลงจนน่าสนใจขึ้น ขณะที่พอร์ตการลงทุนของ ABSM ก็มีโอกาสเติบโตสูงกว่าตลาด โดยคาดการณ์ EPS ของพอร์ตลงทุนจะเติบโตประมาณ 19.3% ในปีนี้(จากประมาณการณ์ของ Bloomberg เมษายน 2567)”

     ทั้งนี้ ABSM มีความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงการนำเสนอข้อคิดเห็นซึ่งอาจแตกต่างจากเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจริงได้และไม่ได้เป็นการแนะนำในการจัดพอร์ตการลงทุน น้ำหนักและธีมลงทุนอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ข้อมูลจาก Bloomberg มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้นไม่ใช่การคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต