posttoday

เม็ดเงินต่างชาติกลับมาซื้อ SETปิดบวก 6.45จุด หุ้นไทยติดแนวต้าน 1,387จุด

07 พฤษภาคม 2567

วอลุ่มซื้อ TRUE-DELTA อีกทั้งเม็ดเงินต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย ดัชนีวันนี้ปิดบวก 6.45 จุด ด้านนักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,350 - 1,400 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(7 พ.ค.2567) อยู่ที่ 1,376.37 จุด เพิ่มขึ้น 6.45 จุด คิดเป็น +0.47% มูลค่าการซื้อขาย 41,743.62 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,384.74 จุด และลดลงต่ำสุด 1,373.98 จุด

เม็ดเงินต่างชาติกลับมาซื้อ SETปิดบวก 6.45จุด หุ้นไทยติดแนวต้าน 1,387จุด  

10 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด ดังนี้

เม็ดเงินต่างชาติกลับมาซื้อ SETปิดบวก 6.45จุด หุ้นไทยติดแนวต้าน 1,387จุด

รายย่อยขายเฉียด 3 พันล้าน

เม็ดเงินต่างชาติกลับมาซื้อ SETปิดบวก 6.45จุด หุ้นไทยติดแนวต้าน 1,387จุด

     ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า SET Index วันนี้ปรับขึ้นแรง +6.45 จุด เพิ่มขึ้น +0.47% แต่ยังติดเส้นค่าเฉลี่ย EMA 75 วัน 1382 จุด ปิดที่ 1376.4 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท โดย Sector ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนี หลักๆคือ กลุ่มชิ้นส่วน DELTA, HANA กลุ่มธนาคาร BBL, KBANK กลุ่มไอซีที TRUE ฯลฯ ส่วน Sector ที่กดดัชนี คือ กลุ่มขนส่ง BEM, BTS ฯลฯ 

     หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ MTC +1.1%, SAWAD +1.25%, JMT +0.48%, BGRIM 2.02%, GULF +0.61%,DELTA +4.29% กลุ่มการเงิน, โรงไฟฟ้า, กลุ่มชิ้นส่วน ปรับขึ้นรับมุมมองบวกประเด็นอัตราดอกเบี้ยผ่านจุด Peak สะท้อนผ่าน US Bond yields สหรัฐปรับลงแรง อิง อายุ 10 ปี ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาปรับลงรวม 10 bps หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทั้ง 1)ตลาดแรงงานออกมาชะลอตัว 2)ภาคบริการ ISM PMI ออกมาอ่อนตัวต่ำกว่า 50 จุด ยังคงมองบวกต่อ 3 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GPSC

    TRUE +4.29% หุ้นปรับขึ้นรับบริษัทรายงานงบกำไรจากธุรกิจหลักเป็นบวกครั้งแรกใน 1Q24 ที่ 767 ล้านบาท เพราะค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงจากอานิสงส์ของ synergy และ การแข่งขันที่ลดลง เนื่องจากเรามองว่าการแข่งขันในระยะต่อไปจะแผ่ว ดังนั้นค่าใช้จ่าย SG&A จึงน่าจะยังลดลงได้ ฝ่ายวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2024-25 ขึ้นอีก 70% แนะนำซื้อ TRUE จากธีม turnaround โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 10.30 บาท จาก 9.30บาท  

     INSET +4.39% มีจิตวิทยาบวกต่อเนื่องหนุนจาก ประเด็น การประมูลงาน Data Center จากนี้เข้าสู่รอบใหญ่ ปัจจุบันผู้ประกอบการระดับโลกหลายรายทยอยลงทุน Phase แรกไปแล้ว ทำให้จะเป็นภาพสลับลงทุนกันแต่ละปีและล่าสุดยังมี Microsoft ประกาศลงทุนในไทยเพิ่ม ผสาน งานภาครัฐฯที่จะเป็นแรงหนุนอีกด้าน ทำให้ช่วงที่เหลือของปี INSET จะเด่นทั้งกำไรและการรับงานใหม่ หุ้นอ่อนตัวลงจากจุดสูงของปี PER24F เหลือ 12.4 เท่า เป็นโอกาสสะสม

     BBIK -12.62% ราคาหุ้นปรับลงรับงบมีแนวโน้มอ่อนตัว KSS คาดกำไรปกติ 1Q24F อ่อนตัวสู่ 64 ล้านบาท (+9%y-y, -19%q-q) จะเป็นการเติบโต y-y ต่ำสุดนับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดกดดันหลักจากความต้องการที่ชะลอตั้งแต่ 3Q23 และต้นทุนสูงขึ้น    ประเมินกำไรที่ consensus คาดปี 2024F ที่ 405 ล้านบาทมี downside ของการปรับลดกำไร กลยุทธ์ระยะสั้นให้รอหุ้นตอบรับปัจจัยลบ ก่อนพิจารณากลับเข้าลงทุนใหม่ เมื่อหุ้นเริ่มกลับมามีพัฒนาการเชิงบวก

     WHAUP +2.05% ปรับเพิ่มขึ้นรับข่าวบริษัทเซ็น PPA กฟผ.-กฟภ. ในโครงการ Solar Farm 4 โครงการ รวม 85.4 MW

ติดแนวต้าน 1390

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอ หนุน FED Watch Tool กลับมาคาดปีนี้ FED จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง โดยจะเริ่มในเดือน ก.ย. และ เดือน ธ.ค. หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 1.75 แสนต่ำแหน่งต่ำกว่า Consensus คาดเพิ่ม 2.38 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงานเดือน เม.ย. สูงกว่าคาดแตะ 3.9% จากตลาดฯคาดจะทรงตัวที่ 3.8% ส่งผลให้ Bond Yield 2 ปี และ 10 ปี และค่าเงินดอลลาร์ปรับลง ดัชนี Dow Jones มีแนวต้าน 39,200 จุด

     ไทยมีมุมมองต่อการลดดอกเบี้ยลดลง หลังเงินเฟ้อเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.19%YoY สูงกว่าคาดที่ลดลง 0.20% ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อเดือน พ.ค.67 อยู่ที่ 1.0-1.5%YoY และใน 2Q67 ประเมินเงินเฟ้อจะขยายตัวราว 0.8-1.0%YoY ทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงบ้านเราแตะ 2.31% (ดอกเบี้ย 2.5% - เงินเฟ้อ เดือน เม.ย. ที่ 0.19%) สูงกว่าสหรัฐฯที่ดอกเบี้ยแท้จริง อยู่ที่ 2% (ดอกเบี้ย 5.5% - เงินเฟ้อ 3.5%) ส่งผลให้ Fund Flow มีโอกาสหยุดขายถึงทรงตัวไหลกลับ

     "คาด SET INDEX มีโอกาสติดแนวต้าน 1387-1390 จุด แต่รอบหลักจะทยอยดีดขึ้นปิด Gap 1380-1395 จุด ระดับแนวต้านใกล้ 1400 จุดคาดจะมีแรงขายในรอบนี้ เพราะติดกรอบบนของคลื่น 3 ใหญ่ในภาพรายวัน"

     ประชุม ครม. ประเด็นหลักที่ตลาดฯจับตา คือ แนวทางการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน รวมทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ในวันที่ 1 ต.ค.67

 

หุ้นไทยสัปดาห์นี้ 1,350-1,400 จุด

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มหุ้นไทยในสัปดาห์นี้(8-10 พฤษภาคม 2567) พักตัวอยู่แถวโซนแนวรับ 1350-1400 จุด คาดมีแรงกดดันตาม Seasonal หรือ Sell in May โดยจากข้อมูลในอดีตพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 20 ปี ในเดือน พ.ค.67 ติดลบ 0.19% โดยเป็นการปรับตัวลง 11 จาก 20 ครั้ง และเมื่อเจาะลึกลงรายกลุ่มอุตสาหกรรม แล้วพบว่าส่วนใหญ่จะปรับตัวลงตาม SET Index

     นอกจากนี้ ติดตามการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่น ผู้บริโภคเดือน เม.ย.67 จาก UTCC ซึ่งหากปรับตัวลงต่อเนื่องจากเดือน มี.ค.67 จะเป็นอีกแรงกดดัน

     อย่างไรก็ดี มองทางลงจำกัดโดยได้แรงหนุนจากการเก็งกำไรงบ 1Q67 ซึ่งคาดจะมีการเปิดเผยงบของหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ BCP, CPALL, GPSC, GULF และ INTUCH เป็นต้น รวมถึงคาดมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มปันผล

     "ดัชนี SET Index ภาพในกรอบวัน ดัชนีพักตัวอยู่ในโซนแนวรับที่ 1350-1360 พร้อมด้วยโมเมนตัมในทิศทางลบที่อ่อนแรง คาดว่าดัชนีจะไม่ทำ Low ใหม่และอาจเห็นการรีบาวด์กลับขึ้นมาได้จาก MACD ที่พลิกกลับขึ้นมาอยู่เหนือเส้น Signal มองแนวต้านแถวอยู่แถวกรอบบนที่โซน 1390-1400 จุด แนวรับ 1350 , 1360 จุด แนวต้าน 1390 , 1400 จุด"