แค่เด้งสั้น! 1355 ด่านหุ้นไทยรอบนี้ผ่านได้ลุ้นไปต่อ
3โบรกสแกนหุ้นไทยรอบนี้แค่เด้งสั้น จับตารายละเอียดโครงการ Digital Wallet ประชุม ครม.พรุ่งนี้ ฟากกูรูเคาะกราฟชี้ด่าน 1,355 จุด ผ่านได้มีลุ้นไปต่อ แต่ยังต้องเฝ้าระวัง
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(22 เม.ย. 2567) อยู่ที่ 1,349.52 จุด เพิ่มขึ้น 17.44 จุด คิดเป็น +1.31% มูลค่าการซื้อขาย 43,079.01 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,350.94 จุด และลดลงต่ำสุด 1,339.92 จุด หลังร่วงแรง บวกคลายกังวลสถานการณ์ตะวันออกกลางลดระดับความรุนแรง
10 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด ดังนี้
สถาบันช้อป - รายย่อยเทขาย
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า SET Index วันนี้ฟื้นตัวตามคาดในทางเดียวกันประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปรับขึ้นมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 401 บริษัท จำนวนปรับลง 104 บริษัท) โดย Sector ส่วนใหญ่ปรับขึ้นหลักๆคือ กลุ่มพลังงาน (PTT, GULF, EA) กลุ่มขนส่ง (AOT) กลุ่มธนาคาร (BBL, KTB) กลุ่มค้าปลีก (CPAXT) ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่กดดัชนีคือ กลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC, IVL) ฯลฯ
BJC +3.7% ปรับขึ้นเก็งหุ้นจะเข้า SET 50 หลังตลาดเตรียมปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นใหม่ ดังนี้โดยตลาดจะประกาศรายชื่อในช่วงกลางเดือน มิ.ย. และมีผลวันที่ 1 ก.ค.2567 ฝ่ายฯแนะนำ BJC ราคาเป้าหมาย 36 บาท
AOT +3.17% , AWC +4.7% กลุ่มอิงการท่องเที่ยวและบริการปรับตัวขึ้นรับ นายกรัฐมนตรีไทยได้พบกับกลุ่มบริษัทตะวันออกกลางและจีน เพื่อหารือการสร้างโครงการตึกสูงที่สุดในโลกในไทยเพื่อคาดหวังเป็น Land mark ใหม่ดึงการท่องเที่ยวในประเทศไทย KCS และประเด็นหนุนจาก Entertainment Complex จะชัดเจนในรายละเอียดช่วง กลางเดือน พ.ค.67 โดยยังแนะนำซื้อ AOT
JAS +18.8% ปรับตัวขึ้นเด่นรับประเด็นอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน ไม่เกิน 1,504 ล้านบาท ในราคาหุ้นละ 5 บาทต่อหุ้น ฯลฯ
GFPT +4.3% ปรับตัวขึ้นจากมุมมองงบ 1๐24 จะเด่นคาดที่ 417 ลบ. (+40%y-y, +2%q-q) ปัจจัยหนุนหลักจาก i) ปริมาณการส่งออกไก่เพิ่มขึ้น y-y, q-q ในทุกภูมิภาคโดยเฉพาะการส่งออกไปยุโรป ii) ราคาไก่ในประเทศที่ 44 บ./กก. (+12%y-y, +16%q-q) iii) คาด GPM ดีขึ้น y-y, q-q เพราะราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลืองลดลง แนะนำ Buy GFPT(TP24F-13.40)
DELTA +0.36% , HANA +2.1% , KCE +3.4% กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวขึ้นรับเช้านี้เกาหลีใต้รายงาน ตัวเลขยอดส่งออก 20 วันแรกของเดือน เม.ย. เติบโต +11.1%y-y คิดเป็นมูลค่า 38.5 พันล้านเหรียญ เร่งขึ้นจากยอดทั้งเดือน มี.ค. ที่โต +3.1%y-y นำโดยการส่งออกชิปที่เติบโตสูง +43%y-y ยอดส่งออกสินค้าไปจีนเพิ่มขึ้นระดับ +43%y-y สะท้อนสัญญานการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน สะท้อนภาพวงจรการส่งออกชิ้นส่วนเอเชียฟื้นตัว แนะนำ KCE ราคาเป้าหมาย 55 บาท , HANA ราคาเป้าหมาย 52 บาท และแนะนำเก็งกำไร DELTA ราคาเป้าหมาย 86 บาท
พรุ่งนี้เกาะติดประชุม ครม.
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตลาดฯรอดูประมาณการเบื้องต้น GDP ไตรมาส 1/67 สหรัฐฯในวันพฤหัสนี้ Consensus คาดไว้ที่ 2.3-2.5% QoQ ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.4% และวันศุกร์รายงานที่สะท้อน Inflation เช่น ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน มี.ค. โดย Consensus คาด PCE ที่ 2.6%YoY เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. ที่ 2.5% แต่ Core PCE คาดไว้ที่ 2.7%YoY ชะลอตัวเล็กน้อยจาก ก.พ. ที่ 2.8% ยังห่างจากเป้าหมายเงินเฟ้อของ FED ที่ 2%
เป็นเหตุให้ FED ยังไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ย ล่าสุด FED WatchTool คาด FED จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกเดือน ก.ย. เพิ่มเป็น 44.6% ฟาก BOJ มีโอกาสขยับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปจากระดับปัจจุบัน 0.10% ยุติดอกเบี้ยติดลบรอบ 8 ปี ส่วนรอบประชุม 26 เม.ย. ตลาดฯคาดคงดอกเบี้ย
ส่วนวันพรุ่งนี้(23 เม.ย.67) จับตาประชุม ครม. หากมีรายละเอียดเกี่ยวกับร้านค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการ Digital Wallet เพิ่มเติม จะเป็น Catalyst บวกต่อกลุ่มค้าปลีก CPALL BJC กรอบ SET INDEX บ่ายนี้แกว่งออกข้าง 1340 - 1350 จุด ส่วนรายวันทยอยปิด Gap1380-1395 จุด
ผ่าน 1355 ให้ได้ก่อน
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้เกิดการฟื้นตัวกลับในรอบสั้นตามตลาดเพื่อนบ้าน ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง มองเป็นการเด้งสั้นหลังจากดิ่งหนักในรอบที่ผ่านมา
ส่วนค่าเงินบาทอาจต้องเฝ้าระวังเพราะอยู่ในช่วงอ่อนตัวหากผ่านด่าน 37.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯได้มีโอกาสทดสอบระดับ 38.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
แต่อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยยังมองเป็นเพียงการเด้งสั้นเท่านั้น ทิศทางในภาพหลักยังคงเป็นเชิงลบ จนกว่าจะผ่านด่าน 1,355 จุดให้ได้ก่อน ดังนั้นกลยุทธ์แนะนำชะลอการลงทุน รอดูรอบการสร้างฐาน แนวรับ 1,300 / 1,280 จุด แนวต้าน 1,355 / 1,380 จุด