posttoday

เช็ค! หุ้น Domestic Play รับแรงหนุนเครื่องยนต์เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเดินหน้า

27 มีนาคม 2567

โผเด็ด! หุ้น Domestic Play รับอานิสงส์เครื่องยนต์เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเดินหน้า สะท้อนจากรัฐเร่งเบิกจ่ายงบปี 67-เดินสายโรดโชว์ 14 ประเทศ ดึงลงทุน 4 อุตสาหกรรม-กระตุ้นการบริโภค ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท-ส่งออก ก.พ. โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภาพเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำในช่วงปีที่ผ่านมา เติบโต 1.9%YoY สะท้อนต้องการแรงกระตุ้นทั้งในส่วนของนโยบายการคลังที่เข้มข้น และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อหลีกหนีจากภาวะชะลอตัว สำนักเศรษฐกิจภายในประเทศส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า GDP GROWTH ไทยในปี 2567 จะอยู่ที่ 2.7-2.8% YoY

อย่างไรก็ตาม บทบาทของนโยบายการคลังที่ทยอยเดินหน้า เชื่อว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2567 โดยมองเห็นสัญญาณบวกผ่านเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ ที่เริ่มกลับมาเดินหน้า น่าจะดีต่อหุ้น Domestic Play
 
เริ่มจากการใช้จ่ายภาครัฐ (G) ผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท โดยผลการพิจารณา ล่าสุด สส.-สว. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบฯ ไปเมื่อวันที่ 22 มี.ค. และ 26 มี.ค.2567 ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ สภาฯ จะนำร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว จัดส่งให้กับ ครม. เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ (คาดเป็นวันที่ 3 เม.ย.2567) หลังจากโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็จะเป็นการประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป 

ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของงบลงทุน น่าจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าระบบที่รวดเร็วกว่างวดอื่นๆ เนื่องจากมีช่วงระยะเวลาการเบิกจ่ายเพียง 6 เดือน (สิ้นปีงบประมาณวันที่ 30 ก.ย.2567) เฉพาะอย่างยิ่ง งบจ่ายลงทุน มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK,STEC, TTCL วัสดุก่อสร้าง SCC, SCCC, TASCO รวมถึงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มเหล็ก BSBM, TMT, TSTH, INOX

ถัดมา การลงทุน (I) โดยหลังจากรัฐบาลเดือนสายต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา พบปะกับนักลงทุนแล้วกว่า 60 บริษัท ใน 14 ประเทศ คาดเดินหน้าดึงการลงทุนใน 4 อุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์, อุตสาหกรรมดิจิทัล และสำนักงานภูมิภาคและโลจิสติกส์ หวังให้มีเม็ดเงินไหลเข้า 5.58 แสนล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การลงทุนขยายตัวอย่างมีนัยฯ หนุนให้ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 8.5 แสนล้านบาท และส่งผลให้ FDI มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามลำดับ มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม อาทิ WHA, AMATA, PIN, ROJNA

ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง คือ การบริโภค (C) โดยกระตุ้นผ่านนโยบายต่างๆ เริ่มจากโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นอกจากนี้คณะกรรมการไตรภาคียังมีมติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท นำร่อง 10 จังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ 13 เม.ย. 67 ถือเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประมาชาชน มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก อาทิ BJC, CBG, CRC,CPALL

ขณะที่ตัวเลขส่งออก (X) เดือน ก.พ.2567 +3.6%YoY ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สอดคล้องกับการส่งออกในหลายๆ ประเทศในแถบเอเชีย นำโดยเวียดนามส่งออก ม.ค.2567 เติบโต 42%, ไต้หวัน เติบโต 18.1%, เกาหลีใต้ เติบโต 18.0%, สิงคโปร์ เติบโต 15.7% เป็นต้น

ส่วนตัวเลขนำเข้า (M) เดือน ก.พ.2567 เติบโต 3.2%YoY หนุนให้ดุลการค้าขาดดุลลดลงอยู่ที่ -554 ล้านเหรียญฯ (ดีกว่าคาด -573 ล้านเหรียญ) ซึ่งระยะถัดไป ลุ้นดุลบัญชีเดินสะพัด ก.พ.2567 กลับมาเป็นบวก ตามการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี

หากพิจารณาสินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่เกี่ยวข้องกับรายชื่อบริษัทจดทะเบียน จะเห็นได้ว่าสินค้าที่โตเด่น คือ ยางพารา +31.7%YoY บวกต่อ NER, STA อาหารสัตว์เลี้ยง +21.5%YoY บวกต่อ ITC, ASIAN, AAI, CPF ทูน่ากระป๋อง +15%YoY บวกต่อ TU เป็นต้น