posttoday

TOA ตั้งเป้ายอดขายปี 67 โต 8% โชว์กำไรปี 66 พุ่ง 81% ปันผลครึ่งหลัง 0.35 บาท/หุ้น

29 กุมภาพันธ์ 2567

TOA กางแผนปี 67 วางเป้ายอดขายโต 8% โชว์ผลงานปี 66 กำไรพุ่ง 81% แตะ 2,569 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.35 บาท/หุ้น ขึ้น XD 8 พ.ค.67 พร้อมเดินหน้าองค์กรยั่งยืนตามแนวทาง ESG

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท  ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% จากปีก่อน โดนเป็นกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้วยการปรับแผนกลยุทธ์ด้านวัตถุดิบร่วมกับการจัดการภายในองค์กรตามหลักความยั่งยืน การนำระบบ Digital Transformation และ Automation เข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ แนวโน้มผู้บริโภคยังให้การตอบรับที่เพิ่มมากขึ้นกับผลิตภัณฑ์กลุ่มนวัตกรรมที่มีมาตรฐานการรับรอง ทั้งด้านคุณสมบัติและความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียม ที่บริษัทเป็นผู้นำตลาด จึงเป็นแรงส่งช่วยผลักดันยอดขายรวม และสร้างกำไรให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

โดยรายได้รวมในปี 2566 อยู่ที่ 22,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน และในไตรมาส 4/2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากทุกช่องทางการขายภายในประเทศ เพราะด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ TOA การมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมมากที่สุด การมีสินค้าครบทุกกลุ่มและบริการครบวงจร รวมถึงการปรับตัวการดำเนินธุรกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา บริษัทสามารถสร้างการเติบโตเหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2567 มีมติเห็นชอบเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 เม.ย.2567 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งหลังปี 2566 ในอัตรา 0.35 บาท/หุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 8 พ.ค.2567 และจ่ายปันผล วันที่ 28 พ.ค.2567 เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ได้จ่ายไปแล้วในอัตรา 0.33 บาท/หุ้น จะรวมเป็นเงินปันผลในอัตรา 0.68 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 61% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของปี 2566

TOA ตั้งเป้ายอดขายปี 67 โต 8% โชว์กำไรปี 66 พุ่ง 81% ปันผลครึ่งหลัง 0.35 บาท/หุ้น

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 8% จากปีก่อน ไม่หวั่นความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว และเชื่อมั่นว่าด้วยสถานะการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่เป็นผู้นำตลาดสีในประเทศไทย มีที่สินค้าหลายหลากทุกความต้องการ โดยมีสินค้าเรือธงที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจเลือกใช้ อาทิ สีซุปเปอร์ชิลด์  สีทีโอเอ ชิลด์วัน นาโน สีโฟร์ซีซั่นส์

ประกอบกับการขยายธุรกิจให้ครบวงจรแบบ Total Solution ทั้งเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ยิปซั่มบอร์ด กระเบื้อง ฮาร์ดแวร์ และสินค้าวัสดุก่อสร้าง ยังเป็นส่วนสำคัญที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและโอกาสการเติบโตเหนือกว่าคู่แข่ง

โดยในปี 2567 บริษัทได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 60 นับจากการเริ่มธุรกิจ โดยการนำเข้าสีจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2507 จากนั้นจึงสร้างโรงงานและศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาสูตรสีและเทคโนโลยีการผลิตของเราเอง จนสามารถก้าวเป็นแบรนด์สีเบอร์หนึ่ง (No.1 Paint Brand) ในประเทศไทย ที่สามารถเอาชนะแบรนด์ต่างชาติมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน  

นอกจากนี้ บริษัทได้ต่อยอดธุรกิจของ TOA ให้เติบโตเป็นมากกว่าสีทาอาคาร รวมถึงการมีเครือข่ายพันธมิตรร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่งและครอบคลุมมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 8,600 ร้านค้า และการขยายธุรกิจ สร้างฐานผลิตในภูมิภาคอาเซียน อีก 6 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย และลาว เพื่อพร้อมทะยานบุกตลาดในอาเซียนให้เติบโตต่อไป

ก้าวต่อไปของ TOA จะมุ่งสู่การเป็น “องค์กรแห่งความยั่งยืน” ผ่านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ดังนี้

การสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ กับการรักษาผู้นำตลาดสีทาอาคารในประเทศไทย โดยการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยสินค้าที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการสร้างสุนทรียภาพและแรงบันดาลใจเพื่อเป็นมากกว่าสี ตลอดจนการก้าวไปสู่ผู้นำในธุรกิจอื่นที่เราได้ขยายธุรกิจไปแล้วนั้น ยังเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่จะทำให้บริษัทเติบโตสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

การดูแลพนักงาน เพราะเชื่อว่าเพื่อนพนักงาน คือ ทรัพยากรที่สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กร นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งพัฒนาชุมชนและสังคม ผ่านกิจกรรม/โครงการสาธารณประโยชน์ต่างๆ มากมายที่เป็นการช่วยเหลือทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว

การดูแลสิ่งแวดล้อม บริษัทมุ่งมั่นจะเป็นองค์กรสีเขียวตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่จัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนานวัตกรรมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด การบริหารจัดการเรื่องขยะ (Waste Management) ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% ภายในปี 2568 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี 2593

และบริษัทยังเชื่อว่ามาตรฐาน “TOA GREEN CERTIFIED” สัญลักษณ์สินค้าคุณภาพสูง การันตีด้วยเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล จะช่วยสร้างแรงกระเพื่อมให้กับลูกค้าและคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ตระหนักหันมาใส่ใจต่อสิ่งรอบตัวมากขึ้น

“การพัฒนา TOA ให้เป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน ตามแนวทาง ESG ถือเป็นพันธกิจหลักที่สำคัญที่จะทำให้  TOA ก้าวผ่านสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี เพื่อให้ธุรกิจยังคงเติบโตอย่างสง่างาม เราจึงพร้อมเพื่อเป็นมากกว่าธุรกิจสี เป็นธุรกิจที่เห็นคุณค่าในทุกๆ อย่างที่เราดูแล ปกป้องมาตลอดระยะเวลา 60 ปี และพร้อมเดินหน้าเคียงข้างไปกับทุกคน” นายจตุภัทร์ กล่าว