posttoday

SET มีแนวโน้มปรับลงต่อ การฟื้นตัวจำกัด

09 กุมภาพันธ์ 2567

SET มีแนวโน้มปรับลงต่อ หลังเผชิญแรงขายบริเวณ 1,400 จุด ขณะที่การฟื้นตัวถูกจำกัด กลยุทธ์การลงทุน “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” แนะนำ SPRC และ AP

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET เผชิญแรงขายบริเวณ 1,400 จุด ให้ปรับตัวลง และสร้างสัญญาณลบทางเทคนิค ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มปรับลงได้ต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,380 และ 1,370 จุด ตามลำดับ ขณะที่ การฟื้นตัวถูกจำกัด โดยมีกรอบบนบริเวณแนวต้าน 1,400- 1,405 จุด ต้องขึ้นทะลุผ่านให้ได้ก่อนถึงจะกลับมาเป็นสัญญาณบวก

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังคาดเงินเฟ้อไทยและจีน ม.ค. มีแนวโน้มหดตัว, กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 7 ก.พ. อีกทั้งดัชนี PMI ภาคบริการ ม.ค. ของสหรัฐ จีน และอียู จะชะลอตัวลง นอกจากนั้นผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ของ บจ. ไทยอาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น "ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด" ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับ ซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO

2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.-พ.ค.นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2566 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2567 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง 

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2566 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL CRC ZEN AU CPF BTG ONEE AWC SIRI 

ส่วนระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ SPRC หุ้น Laggard กลุ่มโรงกลั่น ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินฟื้น ล่าสุดอยู่ที่ 19.5 ดอลลาร์/บาร์เรล +14%MoM และเป็นโรงกลั่นที่มีสัดส่วนนํ้ามันเบนซินสูงสุด คาดกำไรปกติไตรมาส 1/2567 ดีขึ้น QoQ จากการฟื้นตัวของ GRM คาดธุรกิจการตลาดน้ำมันช่วยหนุนให้ EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

AP ไตรมาส 4/2566 คาดกำไรสุทธิ 1.39 พันล้านบาท +21.1%YoY จากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง คาดปี 2566 กำไรทำนิวไฮ 5.9 พันล้านบาท และปี 2567 คาดกำไร 6.3 พันล้านบาท โด 7.4%YoY อีกทั้งมองเป็นหุ้นปันผลคุณภาพดี คาด Div. Yield ปี 2566 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5%