posttoday

SET ไม่ต่ำกว่า 1,360 จุด ลุ้นฟื้นต่อ แนะ “ตั้งรับ” ชู AOT และ BCP

26 มกราคม 2567

SET ไม่ต่ำกว่า 1,360 จุด ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อ กลยุทธ์การลงทุน “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” แนะนำ AOT และ BCP

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า การชะลอตัว SET มีแนวรับบริเวณ 1,370 และ 1,360 จุด ตามลำดับ เป็นจุดติดตาม หากไม่ต่ำกว่า คาดว่ายังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,386 และ 1,396 จุด ตามลำดับ ส่วนกรณีต่ำกว่า 1,360 จุด จะกลับมาเป็น สัญญาณลบ และมีแนวโน้มทดสอบจุดต่ำเดิมอีกครั้งบริเวณ 1,354 จุด

ทั้งนี้ ช่วงในตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดตลาดจะมีการปรับลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ เงินเฟ้อ ตลาดแรงงานและการผลิตไม่ได้แย่อย่างที่กังวล ซึ่งทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสพักฐานในช่วงสั้น ขณะที่ในประเทศเองยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น "ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด" ใน 2 ธีมหลัก ดังนี้ 

1) นักลงทุนระยะกลางที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี เลือก AP BCP และ KTB โดยใช้หลักเกณฑ์ คือ มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป, มี SET ESG Rating ระดับ AAA/AA, คาดให้ Div. Yield ที่เหลือหลังหักเงินปันผลที่จ่ายระหว่าง กาลไปในระหว่างปี 2566 สูงเกิน 5% และปี 2567 ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโต YoY

2) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Rating ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ AOT มองมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไรไตรมาส 1/2567 (ต.ค.-ธ.ค.2566) ที่คาดแข็งแกร่ง โดยคาดกำไรปกติ 5.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY และ 54%QoQ อิงจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 16.9 ล้านคน ราคาหุ้นซื้อขายที่ PEG 0.2 เท่า ค่ากว่า PEG เฉลี่ยหุ้นกลุ่มเดียวกันในภูมิภาคที่ 0.3 เท่า

BCP ช่วงสั้นได้ sentiment บวกจากราคาน้ำมันปรับขึ้น แม้คาดปี 2566 กำไรปกติลดลง 45%YoY จาก GRM สูงผิดปกติในปี 2565 แต่จะกลับมาโต 52%YoY ในปี 2567 ทั้งยังจ่ายปันผลดี คาดให้ Div. Yield ปี 2566 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% ทั้งนี้ แนะนำราคาเข้าซื้อเก็งกำไรไม่เกิน 42 บาท