SET ยังไร้ปัจจัยหนุน มีแนวโน้มปรับลงได้ต่อ
SET ไร้ปัจจัยหนุน มีแนวโน้มปรับลงได้ต่อ กลยุทธ์การลงทุน “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” แนะนำ ERW และ TNP
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า ดัชนีปรับลงจ่อทําจุดต่ำใหม่ ขณะที่สัญญาณเทคนิคยังเป็นลบ และตลาดที่ขาดปัจจัยหนุน ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มปรับลงได้ต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,345 และ 1,330 จุด ตามลำดับ ทั้งนี้ อาจมีการดีดสลับบ้าง แต่การฟื้นตัวถูกจำกัดที่แนวด้าน 1,370 และ 1,380 จุด ตามลำดับ
ทั้งนี้ ช่วงในตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดตลาดจะมีการปรับลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ เงินเฟ้อ ตลาดแรงงานและการผลิตไม่ได้แย่อย่างที่กังวล ซึ่งทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสพักฐานในช่วงสั้น ขณะที่ในประเทศเองยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น "ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด" ใน 2 ธีมหลัก ดังนี้
1) นักลงทุนระยะกลางที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี เลือก AP BCP และ KTB โดยใช้หลักเกณฑ์ คือ มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป, มี SET ESG Rating ระดับ AAA/AA, คาดให้ Div. Yield ที่เหลือหลังหักเงินปันผลที่จ่ายระหว่าง กาลไปในระหว่างปี 2566 สูงเกิน 5% และปี 2567 ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโต YoY
2) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Rating ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง
ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ ERW กำไรปกติไตรมาส 4/2566 คาดเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เติบโต YoY และ QoQ หนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยวและ ARR ที่เพิ่มขึ้น คาดปี 2566 พลิกมีกำไรปกติ 718 ล้านบาท และเติบโต 13%YoY ในปี 2567 กลยุทธ์การเติบโตระยะยาวจะมุ่งเน้นกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ท HOP INN ขยายออกไปต่างประเทศมากขึ้น
TNP ไตรมาส 4/2566 คาดเป็นไตรมาสดีสุดของปี เติบโต 22.5%QoQ ทั้งปี 2566 คาดกำไรสุทธิทรงตัว YoY และเติบโต 6%YoY ในปี 2567 จากกำลังซื้อดีขึ้น และรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่มีแผนเปิดต่อเนื่อง 6 แห่ง อีกทั้งฐานะการเงินแข็งแกร่ง (Net Cash 69 ล้านบาท) และได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ


