posttoday

LHFG อวดกำไรสุทธิปี 66 กว่า 2,096 ล้านบาท โต 32.8% รับกำไร LH BANK พุ่ง

16 มกราคม 2567

LHFG กวาดกำไรสุทธิปี 66 กว่า 2,096 ล้านบาท โต 32.8% เป็นผลจากกำไร LH BANK เพิ่มขึ้น 54.9% หลังรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ-รายได้จากการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง

บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,096.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% เมื่อเทียบปีก่อน หลักๆ เป็นการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้จากการดำเนินงานอื่น และการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังคงตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามหลักความระมัดระวังเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกค้า โดยอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (Coverage Ratio) อยู่ที่ 218.81% และอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 2.09% ณ สิ้นปี 2565 เป็น 2.36% ณ สิ้นปี 2566

สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 6,943.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 1,787.1 ล้านบาท ลดลง 7.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการลดลงจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้เงินปันผล ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นอยู่ที่ 4,047.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายและโฆษณา และค่าภาษีอากร

ขณะเดียวกัน เงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 267,347.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้น 11,007.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26.0% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ในการเร่งขยายสินเชื่อรายย่อยส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยต่อสินเชื่อทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 17% ในปี 2565 เป็น 18.9% ในปี 2566 

นอกจากนั้นในส่วนของการขยายฐานลูกค้าเงินฝาก ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล B-You Max พร้อมอัตราดอกเบี้ยสูงพิเศษที่ 6% ต่อปี (สำหรับยอดเงินฝากไม่เกิน 10,000 บาท) และร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจรถไฟฟ้า BTS และบัตรแรบบิท (Rabbit Card) ส่งผลให้จำนวนลูกค้าเงินฝากรายย่อยเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 29%
 
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 351.7 ล้านบาท ลดลง 35.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลจากการลดลงของรายได้เงินปันผลและการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น

ในไตรมาส 4/2566 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 1,816.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 3,214.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 1,398.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 

ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 326.7 ล้านบาท ลดลง 28.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของรายได้เงินปันผล และลดลง 30.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของรายได้เงินปันผล

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานอื่นในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 1,133.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่และอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายส่งเสริ มการขายและโฆษณา และเพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์และค่าภาษีอากร