posttoday

FETCO ประเมินตลาดหุ้นไทยฟื้นกลางปี 67 แนะ 4 แนวทางสู้ความท้าทายโลกยุคใหม่

29 พฤศจิกายน 2566

FETCO คาดตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้ช่วงกลางปี 67 รับ Sentiment ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มทยอยปรับลดดอกเบี้ย หนุนเศรษฐกิจโลก-สภาพคล่องปรับตัวดีขึ้น พร้อมแนะ 4 แนวทาง สู้กับความท้าทายโลกยุคใหม่

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการ SEC Capital Market Symposium 2023 ว่า ประเมินตลาดหุ้นไทยจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงกลางปี 2567 รับ Sentiment ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในช่วงปลายปี 2567 จะหนุนให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น และสภาพคล่องที่ตึงตัวปรับตัวดีขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังคงมีแรงกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรลดลง, ดอกเบี้ยสหรัฐที่อยู่ในระดับสูง, เงินทุนไหลออก, ปัญหาในตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุน, การดูดสภาพคล่องกลับ หรือการทำ QT ของสหรัฐ

ทั้งนี้ ความท้าทายของตลาดหุ้นไทยในอนาคตที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนยุคสมัย ประกอบด้วย 4 ด้าน คือ Technology, Geopolitics, Aisa and Asean Rising และ Climate Change ทำให้ทุกคนต้องเตรียมตัวและปรับตัว เพื่อการเข้าสู่โค้งสำคัญนี้ และต้องมองหาโอกาสให้เจอ เพื่อหยิบฉวยโอกาส

“ความท้าทายของตลาดหุ้นไทย คือ ยังขาดเสน่ห์ เนื่องด้วยปัจจุบันที่ยังมีหุ้นแบบเดิม เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์, อาหาร, ปิโตรเคมี, เหล็ก เป็นต้น ซึ่งกำลังจะตกยุค โดยในอนาคตอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกคือ Technology ไม่ว่าจะเป็น AI, Robot, Metaverse, Nano Cybernetics จึงเป็นโจทย์ที่ว่าเราจะสามารถสร้างเสน่ห์ของเราอย่างไร นี่คือความท้าทาย และถ้าองค์ประกอบของ SET ยังไม่ก้าวสู่อนาคต ตลาดหุ้นไทยก็จะเล็กลงเรื่อยๆ” นายกอบศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ การปรับปรุงมาตรการ หรือกฎเกณฑ์ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งมาตรการ BOI, กฎหมายต่างๆ, กระทรวงการคลัง, กระทรวงต่างประเทศ, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

พร้อมกันนี้ แนะ 4 เรื่องสำคัญที่จะสร้างมาตรฐานให้ตลาดหุ้นไทย ได้แก่ 1. สินทรัพย์แห่งอนาคต อย่าง Bitcoin, Ethereum 2. การ Reinvent เช่น การปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ และ การพัฒนา Single Portal 3. การปิดจุดมืดของตลาดทุนไทย โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็ก/Unrated Bonds (ไม่มีการจัดอันดับเครดิต) ทำอย่างไรที่จะทำงานร่วมกับบริษัทขนาดเล็กให้ขึ้นมาเป็นหุ้นขนาดกลางได้ รวมถึงควบคุมการปั่นหุ้น เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อนักลงทุนรายย่อย, บริษัทหลักทรัพย์ (บล.), บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และ 4. Capital Market for all โดยจะต้องมีเรื่องของ Sustainability/ESG, Social Contribution/ Credit, SME / Communities โดยเชื่อว่าการสร้าง Strong Foundation คือคำตอบสุดท้ายในโลกยุคใหม่

ส่วนความคืบหน้าการเสนอขายกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) หรือ Thai ESG คาดว่าจะเปิดตัวและเสนอขายกองแรกได้ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน และเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนในเฟสแรกประมาณ 10,000 ล้านบาท