17 หุ้น รับอานิสงค์เงินเฟ้อไทยชะลอ หนุนรัฐอัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่
เปิดโผ 4 กลุ่มอุตสาหกรรม 17 หุ้น รับผลบวกเงินเฟ้อไทยชะลอตัว ล่าสุดเดือน ต.ค.66 ลดลง 0.31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงครั้งแรกในรอบ 25 เดือน หนุนรัฐอัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่มากขึ้น
วันนี้ (6 พ.ย.) สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ประกศดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน ต.ค.2566 อยู่ที่ระดับ 107.72 ลดลง 0.31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 0.28% จากเดือนก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 10 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 1.60%
ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ต.ค.2566 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.10% และเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 25 เดือน สาเหตุจากการลดลงของราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน และสินค้าอุปโภค-บริโภค เนื่องจากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ รวมทั้งเนื้อสุกร และผักสด ที่ราคาต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ต.ค.2566 อยู่ที่ 104.46 เพิ่มขึ้น 0.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.08% จากเดือนก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 10 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 1.41%
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภาพของเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เชื่อว่าจะมาจากราคาน้ำมันที่หดตัว โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ในเดือน ต.ค.2566 ไม่ได้ขยายตัวมากเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงภายในเดือนยังย่อตัวลงราว 10.8% บวกกับเป็นช่วงที่รัฐบาลช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ทั้งค่าน้ำมันและค่าไฟ
เงินเฟ้อไทย (ก.ย.2566) ที่ +0.3%YoY อยู่ในระดับใกล้เคียงกับจีนที่ 0.0%YoY และยังเป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก ประกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการเร่งขึ้นดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 2.5% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ย-เงินเฟ้อ) ของบ้านเราบวกขึ้นมาค่อนข้างสูง
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยรวบรวมหุ้นเด่นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากภาวะเงินเฟ้อไทยชะลอตัว ดังนี้
- กลุ่มค้าปลีก ได้แก่ CPALL, CRC, COM7, JMART, HMPRO
- กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม ได้แก่ AOT, MINT, CENTEL, ERW
- กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ CPN, SPALI, LH, SC, AP
- กลุ่มเช่าซื้อ ได้แก่ MTC, TIDTOR, SAWAD
ขณะที่ในอีกแง่มุมหนึ่งของแนวโน้มเงินเฟ้อไทยที่อยู่ในระดับต่ำ อาจหนุนให้ภาครัฐสามารถอัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่มากขึ้น โดยล่าสุดมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเพิ่มเติม โดยนายกฯ ได้เคาะแผนเปิดสถานบริการถึงตี 4 ชั่วคราวใน 4 จังหวัดนำร่อง (กทม., ชลบุรี, เชียงใหม่, ภูเก็ต) เริ่มวันที่ 15 ธ.ค.2566
ขณะเดียวกัน ในระยะถัดไปยังมีนโยบาย DIGITAL WALLET ซึ่งรอรายละเอียดความชัดเจนในวันศุกร์นี้ (10 พ.ย.) อีกทั้งนายกฯ ยังได้มีการหารือร่วมกับคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล ยิ่งต้องจับตามองโครงการใหญ่ที่เตรียมผุดกลางเดือน ธ.ค. โดยมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองรองเป็นหลัก


