posttoday

มุมมองโบรกฯ ต่อข่าว TRUE จ่อขายสินทรัพย์เข้า DIF เพิ่มปี 67 ช่วยหนุนสภาพคล่อง

19 กันยายน 2566

TRUE เล็งขายสินทรัพย์เข้า DIF เพิ่มในปี 67 โบรกฯ ประเมินช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และลดอัตราหนี้สินต่อ EBITDA แต่ให้น้ำหนักน้อยที่จะเกิดขึ้นในช่วง 1 ปีข้างหน้า คงแนะนำ “Trading Buy” เป้าปี 67 ที่ 8.10 บาท

ตามที่มีข่าว บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE มีแผนที่จะขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF เพิ่มเติมในปี 2567 เป็นหลักหมื่นล้านบาท โดยจะมีการเสนอให้คณะกรรมการบริษัทเห็นชอบภายในปลายปี 2566

ทั้งนี้ สินทรัพย์หลักที่คาดว่าจะขายเข้ากองทุนฯ คือ เสาโทรคมนาคมที่ได้มาเพิ่ม หลังจากควบรวมกิจการกับ DTAC โดยจะเป็นการทยอยขายเข้ากองทุนฯ เพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจ 5G

นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า มอง slightly positive sentiment ต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจากหากทำจริง คาดจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยเรื่องสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทจาก ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 ที่มีอัตราหนี้สินรวมสัญญาเช่าต่อ EBITDA อยู่ที่ 5.7 เท่า หรือคิดเป็นหนี้สินทางการเงินรวมสัญญาเช่าราว 480,000 ล้านบาท 

โดยมีเงินกู้ทางการเงินครบกำหนดใน 1 ปี ราว 140,000 ล้านบาท ซึ่งทุกๆ เสาโทรคมนาคม 3,000 ต้น ที่ขายเข้า DIF เพิ่ม คาดจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับ TRUE ราว 9,000-15,000 ล้านบาท (คิดเป็น 0.34 บาท/หุ้น) ลดอัตราหนี้สินต่อ EBITDA ราว 0.1 เท่า 

อย่างไรก็ตาม ในเชิงพื้นฐาน ยังไม่ให้น้ำหนักประเด็นดังกล่าวจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เพราะ 1) ทางเลือกการระดมทุนผ่านการขายทรัพย์สินเข้ากองไม่ใช่เรื่องใหม่ ปัจจุบันอยู่ในช่วงตรวจสอบทรัพย์สินที่ทับซ้อนอยู่ ซึ่งผู้บริหารเคยระบุ การทำ Asset capitalization เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการจัดหาเงินทุนอยู่แล้ว นอกเหนือจากช่วงต้นปี TRUE มีอนุมัติแผนขายหุ้นกู้ และตั๋วแลกเงินรวมมูลค่า 288,000 ล้านบาท เพื่อ refinance และปรับโครงสร้างหนี้เดิม หลังได้รับการจัดอันดับเครดิตใหม่จาก Tris เป็น A+ 

2) การเปรียบเทียบต้นทุนการเงินทางเลือกนี้กับแหล่งอื่นๆ ยังไม่น่าจูงใจ โดยหากเทียบช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง TRUE ออกหุ้นกู้มูลค่า 18,000 ล้านบาท ให้อัตราดอกเบี้ย 3.35-4.50% กับ Dividend yield ของ DIF ที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 9-10% ต่อปีจะพบว่ายังต่างกันค่อนข้างมาก ดังนั้น ภายใต้สภาพคล่องทางการเงินของ TRUE ที่ยังเหลือ บวกกับต้นทุนทางการเงินจากการระดมทุนผ่านทางเลือกที่ถูกกว่าการขายทรัพย์สินเข้า DIF ให้น้ำหนักน้อยที่จะเกิดการขายทรัพย์สินเข้า DIF ในช่วง 1 ปีข้างหน้า

Key catalysts ต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานยังอยู่ที่การแข่งขันราคาน้อยลงและความคืบหน้าในการเกิด Synergies โดยเบื้องต้น คาดบริษัทจะให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวได้ชัดเจนขึ้นในงานประชุมวันที่ 26 ก.ย.2566 จากปัจจุบันที่คาดเฉลี่ย 5,000 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ปี 2567 โดยทุกๆ ผลตอบแทนที่เปลี่ยนไป 2,500 ล้านบาทต่อปี คาดจะกระทบในทิศทางเดียวกันต่อราคาเป้าหมายบริษัทใหม่หลังควบรวม 0.5 บาท/หุ้น คงแนะนำ “Trading Buy” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 8.10 บาท