posttoday

SET ฟื้นตัวจำกัด ยังมีดาวน์ไซด์ จากปัจจัยการเมืองกดดัน

07 สิงหาคม 2566

SET ฟื้นตัวจำกัด และยีงมีดาวน์ไซด์ จากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองกดดัน รวมถึงสัญญาณเทคนิคเป็นลบ กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ PTTEP และ MINT

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET การฟื้นตัวยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านที่1,540 และ 1,550 จุด ตามลำดับ ด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นปัจจัยกดดัน รวมถึงสัญญาณเทคนิคเป็นลบสร้าง downside ต่อดัชนี โดยมีแนวรับไปที่ 1,520 และ 1,510 จุด ตามลำดับ ด้านภาพรวมมองดัชนีเข้าสู่การพักฐาน

ทั้งนี้ มอง SET ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ เนี่องจากรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และติดตามการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ของบริษัทจดทะเบียนไทย ในกลุ่ม Real Sector ท่ามกลางการคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อที่จะชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า 

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศของตลาดยังรอจับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐต่างๆ รวมทั้งผลการดำเนินงานไตรมาส2/2566 ที่จะออกมา ชค่งคาดมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ช้าในช่วงครึ่งหลังปี 2566 กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ "Selective Buy" ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 จะยังเติบโตได้ดี YoY และ QoQ เลือก ADVANC (Defensive) BEM (Defensive) GULF (ราคาต่ำกว่าก่อนเลือกตั้ง)

2) เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีโอกาสดีกว่าตลาดคาด เลือก AOT (เป็นไตรมาสแรก กลับมาเก็บ minimum guarantee) MINT (NHH ประกาศงบเป็น record high) 

3) หุ้นที่งบไตรมาส 2/2566 ออกมาแล้ว และคาดงบจะดีต่อในช่วงไตรมาส 3/2566 เลือก SCGP (High Season ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์)

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 จะออกมาอ่อนแอและมีโอกาสตลาดจะปรับลดประมาณการ อาทิ กลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) และกลุ่มหลักทรัพย์ (ASP, MST) 

และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนิโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์(GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนนํ้าตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ PTTEP ช่วงสั้นมองราคาหุ้นจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นขานรับผลประชุมโอเปกพลัสลดการผลิตถึงสิ้นปีหน้า ขณะที่ไตรมาส 2/2566 รายงานกำไรที่ 2.1 หมื่นล้านบาท (+2% YoY, +9%QoQ) ดีกว่าคาดเล็กน้อย ส่วน Div. Yield ปี 2566 คาดหวังไว้ที่ 4-5%

MINT มอง valuation ยังไม่แพงที่ PER 66F ระดับ 29 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่คาดผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยไตรมาส 2/2566 คาดกำไรปกติที่ราว 3 พันล้านบาท (+YoY, +QoQ) และผลประกอบการที่ดีขึ้นในครึ่งหลังปี 2566 จะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวดีกว่าตลาดได้