posttoday

วันนี้จับตาศาลฯ"รับ/ไม่รับ"คำร้อง? หุ้นไทยผันผวน เน้นย่อสะสมหุ้นกำไรฟื้น

03 สิงหาคม 2566

การเมืองเข้มข้น! จับตาศาลรัฐธรรมนูญ "รับ-ไม่รับ คำร้อง ?" ผู้ตรวจการฯทำโหวตนายกฯอาจยืดเยื้อ พร้อมเกาะติดสถานการณ์ความวุ่นวายกดหุ้นไทยวันนี้ผันผวน 1540-1565 จุด จังหวะย่อทยอยสะสม หุ้นกำไรฟื้น “ADVANC” เด่น

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองเข้มข้นมากขึ้น ล่าสุดพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจยกเลิก MOU จัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคร่วม ดังนั้น คงต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาลรอบใหม่ของเพื่อไทย หลังจากไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล 

ส่วนวันนี้แนะติดตามท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินเกี่ยวกับประเด็นการเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำได้หรือไม่ ? หากศาลรัฐธรรมนูญ “ไม่รับคำร้อง” จะส่งผลให้กระบวนการโหวตเลือกนายกฯ รอบที่ 3 ในวันพรุ่งนี้(4 ส.ค.66) สามารถทำได้ต่อไป ซึ่งเพื่อไทย เตรียมจะเสนอคุณเศรษฐา เป็นแคนดิเดตนายกฯ

ในทางกลับกัน หากทางศาลรัฐธรรมนูญ “รับคำร้อง” ก็อาจจะทำให้กระบวนการต่างๆล่าช้าออกไป แต่อย่างไรก็ดี จากภาพทางการเมืองล่าสุด เราคาดว่าท้ายที่สุดทางด้านพรรคเพื่อไทยจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในเดือน ส.ค. นี้

ดังนั้นในจังหวะที่ตลาดยังมีความไม่แน่นอนทางการเมือง และความกังวลต่อความไม่สงบ อาจทำให้ตลาดหุ้นยังแกว่งผันผวน เราประเมินเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรฟื้นตัวในช่วง 2H23 โดยคาดจะหนุนให้ SET จะปรับตัวขึ้นในช่วงถัดไป

ส่วนการประชุม กนง. วานนี้มีมติเป็นเอกฉันท์ ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.25% สู่ 2.25% โดยประเมินเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคเป็นปัจจัยสำคัญ ขณะที่ มุมมองของเราคาดการขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 2H23 อาจเริ่มจำกัดมากขึ้น โดยให้โอกาสขึ้นอีก 1 ครั้งสู่ระดับ 2.5% สิ้นปีนี้

สำหรับแนวโน้มหุ้นไทยวันนี้(3 ส.ค.66) คาดผันผวนในกรอบ 1,540-1,565 จุด จับตาท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่รับคำร้องผู้ตรวจการฯ ซึ่งจะส่งผลต่อการโหวตนายกฯจะยืดเยื้อหรือไม่ พร้อมเกาะติดสถานการณ์ความวุ่นวายต่างๆ

โดยประเมินการย่อตัวเป็นจังหวะทยอยสะสม โดยเน้นหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไรฟื้นตัวดี แนะนำ “ADVANC” เด่น ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 240 บาท 

คาดกำไรหลัก 2Q23 เติบโตทั้ง q-q และ y-y สู่ระดับ 7 พันล้านบาท จากรายได้จากธุรกิจมือถือและบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารที่ลดลง จากภาวะการแข่งขันที่ผ่อนคลาย และส่วนแบ่งการตลาดน่าจะเพิ่มเล็กน้อย อีกทั้งกระแสเงินสดดี และมีอัตราปันผลราว 3.8% ต่อปี