posttoday

CCP ส่งซิกงบครึ่งปีหลังฟอร์มดี หนุนรายได้ปี 66 ทะลุเป้า 2,600 ล้าน

24 กรกฎาคม 2566

CCP แย้มงบครึ่งหลังปี 66 ดีกว่าครึ่งปีแรก หลังธุรกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ มิ.ย.66 จ่อส่งมอบงานและบุ๊กรายได้อีก 850 ล้านบาท ลุยประมูลงานใหม่ เติมแบ็กล็อกกว่า 1,600-1,800 ล้านบาท บวกกับธุรกิจโลจิสติกส์เริ่มดำเนินงานในไตรมาส 4/66 ดันรายได้ปี 66 ทะลุเป้า 2,600 ล้านบาท

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ในวันที่ 15 มิ.ย.2566 คาดจะทรงตัวจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.22 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 635.54 ล้านบาท แต่คาดจะไม่ดีเท่าไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 30.54 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 748.72 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 2 ช่วงเดือน เม.ย. มีวันหยุดหลายวัน และมีเครื่องเสียจำนวน 3 สัปดาห์ ซึ่งบริษัทได้มีการ Overhaul เครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว  

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 บริษัทคาดจะเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากแนวโน้มตลาดค่อนข้างดีตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มิ.ย.2566 ธุรกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังการเลือกตั้ง 

CCP ส่งซิกงบครึ่งปีหลังฟอร์มดี หนุนรายได้ปี 66 ทะลุเป้า 2,600 ล้าน

นอกจากนี้ การส่งมอบงานในครึ่งปีหลังจะดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก หลังจากบริษัทได้รับงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐเพิ่ม ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างทยอยส่งมอบงานตั้งแต่ปลายไตรมาส 2-ไตรมาส 4/2566 ประมาณ 850 ล้านบาท 

อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐโดยเฉพาะในเขตพื้นที่ EEC มีแนวโน้มเร่งตัวก่อสร้างตามแผนพัฒนาระยะที่ 2 รวมถึง ได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิต ของนักลงทุนต่างชาติตั้งโรงงานในประเทศไทย  ผลักดันให้เกิดการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้น หนุนความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) เพิ่มขึ้น อาทิ บ่อพัก รางระบายน้ำ ท่อระบายน้ำขนาดพิเศษ 

ประกอบกับบริษัทเร่งเดินหน้าปรับปรุงโรงงานการผลิต เตรียมลงทุนเครื่องจักรใหม่ คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องได้ในช่วงเดือน ก.ย.2566 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ยกระดับกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้ารับงานหลากหลาย ช่วยลดต้นทุนแรงงาน ลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต เพิ่มความสามารถทำกำไร 

“เครื่องจักรใหม่ จะทำให้ลดแรงงานคนโดยรวมลงได้ประมาณ 5% จากคนงานของบริษัทที่มีกว่า 800 คน รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงจากแนวโน้มการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ” นายอาทิตย์ กล่าว    

รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ คอนกรีตสำเร็จรูป ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape ทั่วประเทศ อาทิ กำแพงกันดินรุ่นใหม่ และ แผ่นทางเท้า รุ่นใหม่

ขณะเดียวกัน บริษัทพร้อมเดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชน จากทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มเติมอีกในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะมีโอกาสได้งานประมาณ 300 ล้านบาท ควบคู่กับการปรับกลยุทธ์เข้าประมูลงานโครงการระยะสั้น รับรู้รายได้เร็ว อาทิ งานถนน งานนิคมอุตสาหกรรม เพื่อรักษาระดับ Backlog ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600-1,800 ล้านบาท 

“บริษัทมีความเป็นห่วงว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า อาจจะส่งผลกระทบต่องบประมาณการลงทุนของภาครัฐ ทำให้มีโครงการภาครัฐที่จะออกมาเปิดประมูลน้อยลง” นายอาทิตย์ กล่าว  

อีกทั้งการร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจ จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารจัดการคลังสินค้า เขตปลอดอากร (Free Zone) ในโซนแหลมฉบัง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคาร และขอใบอนุญาต ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเฟสแรกได้ภายในไตรมาส 4/2566 

ดังนั้นบริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปี 2566 จะทะลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ภาครัฐ 65% เอกชน 35% จากเดิมสัดส่วนรายได้ภาครัฐ 80% และเอกชน 20% 

สำหรับงบลงในทุนในปี 2566-2567 บริษัทวางไว้ที่ 150-180 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้สำหรับลงทุนคลังสินค้า ประมาณ 50 ล้านบาท ลงทุนเครื่องจักรใหม่รองรับการผลิตคอนกรีตแบบเปียก ประมาณ 30 ล้านบาท เริ่มเดินเครื่องได้ในไตรมาส 3/2566 และลงทุนเครื่องจักรใหม่รองรับการผลิตคอนกรีตแบบแห้ง ประมาณ 70 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องได้ในเดือน มิ.ย.2567