เปิดรายชื่อหุ้นเสี่ยง Force sell วางเป็นหลักประกันบัญชมาร์จิ้นในระดับสูง
เปิดรายชื่อหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เสี่ยงถูก Force sell หลังวางเป็นหลักประกันของบัญชีมาร์จิ้นในระดับสูงเมื่อเทียบกับหุ้นที่ออกแล้ว โบรกฯ แนะ “หลีกเลี่ยงลงทุน”
ประเด็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ยังเป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย หลังจากล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้แจ้งข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2566 เกี่ยวกับสภาพการซื้อขายในหลักทรัพย์ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ที่สภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในระหว่างวันที่ 12-22 มิ.ย.2566 ว่า ราคาปรับลดลงมากเกิดจากการขายกระจุกตัวในกลุ่มบุคคล ทำให้เกิดการบังคับขาย (Force sell) ในเวลาต่อมา โดยสัดส่วน Short selling และ Program trading น้อยมาก
ต่อมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ แจ้งข้อเท็จจริงว่าปริมาณการ Short selling และ Program trading ในช่วงวันที่ 23-26 มิ.ย.2566 ว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญไปจากช่วงก่อนหน้า โดยราคาปรับตัวลดลง 20.34% (จาก 1.77 เป็น 1.41 บาท) การขายกระจายผ่านการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีการ Short Selling สัดส่วน Program trading อยู่ที่ 6.06% ของปริมาณการซื้อขาย และปัจจุบัน OTO ยังคงเป็นหลักทรัพย์ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรากฏการณ์หนึ่งที่สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2566 ได้แก่ การปรับฐานของดัชนีหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่รุนแรง เช่น sSET ปรับตัวลง 3.2% และ mai ปรับตัวลง 3.8%
ทั้งนี้ หากภาพตลาดโดยรวมยังไม่สดใส อาจจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากสำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่ถูกวางเป็นหลักประกันของบัญชีมาร์จิ้นในระดับสูง เนื่องจากหากราคาลงต่ออาจเห็นโมเมนตัมของการ Force sell เกิดขึ้นจนเป็น Downward spiral ต่อตัวหุ้นได้
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อสิ้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา จะพบว่าหุ้นที่มีสัดส่วนของการวางเป็นหลักประกันเมื่อเทียบกับหุ้นที่ออกแล้วทั้งหมดมากกว่า 10% จะมีมากถึง 100 ตัว ในตลาด
ดังนั้นยังคงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มเหล่านี้ออกไปจากปัจจัยทางด้านสภาพคล่องที่หดหายเป็นสำคัญ ซึ่งมักจะส่งผลต่อเนื่องมายังการมีส่วนร่วมของนักลงทุนทั่วไปที่ลดลง และการปรับตัว Underperform ของหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ไม่นับรวมกับความยากลำบากในการไถ่ถอนหุ้นเหล่านี้จากการไม่มีสภาพคล่องรองรับอีกด้วย
สำหรับหุ้นที่ถูกวางไว้เป็นหลักประกันในบัญชมาร์จิ้นในระดับสูงเมื่อเทียบกับหุ้นที่จําหน่ายแล้ว มีดังนี้
ระดับเกินกว่า 50% ได้แก่ YGG และ GPI
ระดับ 40-50% ได้แก่ TFG, SAAM, NRF, JSP, SCM และ PRIME
ระดับ 30-40% ได้แก่ SA, GLORY, OTO, KUN, A5, IP, BM, SFLEX, III และ SBNEXT
ระดับ 20-30% ได้แก่ DOD, NCL, DEMCO, SABUY, UKEM, CGD, AQUA, TAPAC, SAMART, APCS, THREL, CV, EE, COM7, FVC, PJW, BEYOND และ TAKUNI
ระดับ 10-20% ได้แก่ NER และ NUSA


