YGG จองพื้นที่ตลาดโลก เปิดตัว 2 เกมใหม่-จับมือต่างชาติสร้างหนังฟอร์มยักษ์
อิ๊กดราซิล กรุ๊ป หรือ YGG จับมือต่างชาติสร้างหนังฟอร์มยักษ์ หวังจับจองพื้นที่ตลาดโลก สร้างโอกาสเพิ่มการเติบโตของรายได้ เล็งเปิดตัว 2 เกมใหม่ที่ผลิตเองและซื้อจากต่างประเทศ
นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. อิ๊กดราซิล กรุ๊ป หรือ YGG กล่าวว่า ภาพรวมทางธุรกิจของบริษัทในปีนี้จะเห็นภาพการขยับไปสู่ธุรกิจต้นน้ำอย่างชัดเจนมากขึ้น ทั้งในเกม แอนิเมชั่นภาพยนตร์ และคอมพิวเตอร์กราฟิกซึ่งจะทำให้การขยายฐานทางธุรกิจของบริษัท มีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมทั้งมีรายได้เติบโตและยั่งยืน
โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโตขึ้น จากทั้ง 3 ส่วนธุรกิจของบริษัทที่ได้ขยับสู่ต้นน้ำ และได้จับมือต่างชาติ เพื่อพัฒนาโปรเจคใหม่ ๆ ซึ่งพันธมิตรมีทั้งจากกลุ่มเดิมมี จีน เกาหลี และขยายเพิ่มพันธมิตรในกลุ่ม อเมริกา แคนนาดา และอเมริกาใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายธุรกิจของบริษัทออกไปสู่เวทีตลาดโลกให้กว้างขึ้น
นายธนัช กล่าวอีกว่า ในปีนี้ YGG เตรียมปล่อยเกม ออกมาสู่ตลาด อย่างน้อย 2 เกม ซึ่งมีทั้งเกมที่บริษัทขึ้นมาพัฒนาเอง และซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ โดยมีเกม GOI เป็นเกมที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง และเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่าน ได้เปิดให้มีการทดลองเล่น ซึ่งได้รับความสนใจสูง มีกระแสการตอบรับที่ดี
ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาเพิ่มเติมให้มีความสมบูรณ์ที่สุด และ GOI ยังเป็นเกมที่ได้รับความสนใจจากผู้ให้บริการด้านเกมแพลตฟอร์ม ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อปรับรูปแบบเกมให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้เล่นสูงสุด ในการนำเกมเข้าไปอยู่ในเกมแพลตฟอร์ม และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งใหม่ ๆ
นอกจากนี้ YGG ยังมีความสนใจในการสร้างภาพยนตร์ โดยศึกษาความเป็นไปได้ทั้งด้านต้นทุนและรายได้ ในการสร้างหนังฟอร์มยักษ์ ที่สามารถเปิดฉายได้ทั่วโลก ซึ่งเป็นงานภาพยนตร์ที่คาดว่าจะต่อยอดจากเกม ที่เป็นเกมจากการพัฒนาของบริษัทเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรจากอเมริกา
สำหรับการเข้าร่วมงาน Film Festival During May 2023 เป็นงานภาพยนตร์จากทั่วโลก ได้เห็นเทรนด์การผลิตภาพยนตร์ เห็นโอกาสทางธุรกิจ ช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ ๆ และเป็นโอกาสที่ได้เจอกับบิ๊กเนมรายใหญ่ ๆ โดยงานนี้ YGG ได้โปรโมท Home Sweet Home เป็นเกมที่ได้รับความสนใจระดับโลก มีฐานผู้ติดตามทั่วโลก ตลอดจนมองว่าเป็นอีกช่องทางให้ศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะนำเกมมาต่อยอดสร้างเป็นภาพยนตร์
นายธนัช กล่าวอีกว่า งานทุกส่วนของบริษัทมีการเติบโตตามเทรนด์ของตลาดโลกที่ยังเติบโตต่อเนื่อง และงานทั้ง 3 ส่วนของบริษัททั้งเกม แอนิเมชั่นภาพยนตร์ และคอมพิวเตอร์กราฟิก สามารถนำมาต่อยอดทางธุรกิจร่วมกันได้ อย่างเช่น งานเกมที่ประสบความสำเร็จ สามารถพัฒนานำไปสร้างเป็นการ์ตูน หรือทำภาพยนตร์ได้ และหากการ์ตูนประสบความสำเร็จก็สามารถพัฒนาทำเป็นเกม หรือสร้างภาพยนตร์ได้เช่นกัน
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากงานเกม 30.3% แอนิเมชั่นภาพยนตร์ 37.9% และคอมพิวเตอร์กราฟิก 31.8% ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากต่างประเทศ 70% และในประเทศ 30% โดยมีโครงการรอรับรู้รายได้ หรือ Backlog ประมาณ 100 ล้านบาท อยู่ในช่วงระยะเวลารับรู้รายได้ 1-10 เดือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโปรเจคระยะสั้น ของงานด้านแอนิเมชั่น และในครึ่งหลังของปีนี้ จะมีส่วนของ Backlog เติมเพิ่มขึ้นมาอีก


