posttoday

ผู้ถือหุ้นรายย่อย STARK ลงชื่อกว่า 660 ราย ความเสียหายทะลุ 1 พันล้าน

21 มิถุนายน 2566

ผู้ถือหุ้นรายย่อยจากการลงทุนหุ้น STARK ร่วมลงชื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกว่า 660 ราย ความเสียหายทะลุ 1 พันล้านบาท พร้อมเปิดให้ร่วมลงชื่อถึงวันที่ 25 มิ.ย.นี้ เพื่อรวมตัวฟ้องคดีกลุ่มเรียกค่าเสียหาย หลังมูลค่าหุ้นราว 7 หมื่นล้านบาท แทบเป็นศูนย์ เหลือแค่ 1 สตางค์

ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในการรวมตัวของผู้ลงทุนรายย่อยหุ้นจากการลงทุนในหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ตั้งแต่เปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยลงชื่อเพื่อรวบรวมข้อมูลความเสียหาย เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2566 

ล่าสุดได้มีผู้ลงทุนรายย่อยลงชื่อกันแล้วมากกว่า 661 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเกินกว่า 1,100 ล้านบาท โดยจะรวบรวมผู้เสียหายไปจนถึงวันที่ 25 มิ.ย.2566 คาดว่าจะมีผู้ลงชื่อร่วมดำเนินคดีกลุ่มไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย จากผู้ถือหุ้นทั้งหมดมากกว่า 10,000 ราย

สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น STARK วันนี้ (21 มิ.ย.) ปรับตัวลงมาต่ำสุดที่ 0.01 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดที่ตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนด หรือเหลือเพียง 135 ล้านบาท จากที่เคยมีมูลค่าสูงสุดตามราคาตลาด ณ ราคา 5.50 บาท อยู่ที่ 73,733 ล้านบาท เท่ากับเงินละลายไปกับหุ้นตัวนี้มากถึง 73,598 ล้านบาท

“ผู้ลงทุนหุ้นสามัญกับหุ้นตัวนี้เป็นผู้แบกรับความเสียหาย แทบจะกลายเป็นศูนย์ เมื่อเทียบกับเจ้าหนี้มีหลักประกัน เจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้หุ้นกู้ที่ยังอาจพอมีหวังได้รับเฉลี่ยหนี้คืนบ้าง แต่กับนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มีคำเตือนกันไว้แล้วว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่ก็ต้องเป็นความเสี่ยงจากความผิดพลาดในการลงทุนตามปกติธุรกิจ ส่วนกรณี STARK เกิดจากการกระทำอันไม่สุจริตของผู้เกี่ยวข้อง ทางผู้ถือหุ้นรายย่อยจึงได้รวมตัวกันขึ้นเพื่อรวมรวมหลักฐานในการดำเนินคดีแบบกลุ่ม เพื่อดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีแบบฟ้องหมู่ หรือ Class Action” ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว 

โดยนักลงทุนรายย่อยที่ตกเป็นเหยื่อ ได้รับการประสานงานสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ให้กรอกแบบฟอร์มข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินคดีแบบกลุ่มภายในวันที่ 25 มิ.ย.2566 เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดให้หุ้น STARK ซื้อขายถึงวันที่ 30 มิ.ย.2566 เป็นวันสุดท้าย และอาจจะห้ามการซื้อขายยาวระหว่างการฟื้นฟูกิจการ และตอนนี้ราคาก็ลงมาต่ำสุดที่ตลาดกำหนดแล้ว หากเหยื่อผู้เสียหายจะเข้าชื่อกันก็เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

ดังนั้น ขอให้กรอกตามลิงก์ https://forms.office.com/pages/responsepage.aspx?id=aJ9E3Ee9S0OiOxK7CpqamjI1gLgEUbBAlZJsmC7nqsNUQlFYMThKMDMwQUJQT1pIOFNBSFlLT1c2UyQlQCNjPTEu&origin=QRCode&fbclid=IwAR2-kRRV-FEuNOO70RuihGlbVZz_5w0RVZgDbSjMuqT8lHaQH9GA_nzfLWU 

ทั้งนี้ ในจำนวนที่ลงชื่อกันมา มีผู้เสียหายตั้งแต่ระดับหลักหมื่นบาท ไปสูงสุดถึงหลักร้อยล้านบาท การดำเนินคดีแบบกลุ่มดังกล่าว ในกรณีทำนองเดียวกันนี้มีบทเรียนว่าผู้เสียหายชนะคดีมาแล้ว และได้รับเฉลี่ยเงินคืน ส่วนคนที่ไม่ลงชื่อขอเรียกร้องสิทธิ์ย่อมไม่ได้รับประโยชน์ หรือความเป็นธรรมใดๆ จึงขอเชิญชวนให้ลงชื่อตามกำหนด

สำหรับการฟ้องร้องดำเนินคดีแบบกลุ่มดังกล่าว จะมีการแต่งตั้งผู้แทนของเหยื่อผู้เสียหายเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่เหลือทั้งหมดเพียงแต่รวบรวมหลักฐานความเสียหายร่วมยื่นฟ้องเท่านั้น ทั้งนี้ได้มีนักกฎหมาย ทนายความผู้รักความเป็นธรรม เชี่ยวชาญทั้งคดีกลุ่ม คดีธุรกิจร่วมกันเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการตามกฏหมาย เพื่อหวังจะให้เกิดความยุติธรรม เกิดบทเรียน และป้องปรามพฤติการณ์ฉ้อฉลในตลาดหุ้นในอนาคตต่อไป