posttoday

SET ส่งสัญญานบวกทางเทคนิค หากไม่ต่ำกว่า 1,540 จุด ยังขึ้นได้ต่อ

12 มิถุนายน 2566

SET สร้างสัญญานบวกทางเทคนิค หลังมีการ breakout หากไม่ต่ำกว่า 1,540 จุด ยังปรับขึ้นได้ต่อ กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ AOT และ NYT

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET สร้างสัญญาณบวกทางเทคนิค หลังมีการbreakout กรอบบนบริเวณ 1,540-1,545 จุด ทำให้จากแนวต้านกลายเป็นแนวรับ ดังนั้น หากไม่ต่ำกว่า คาดว่าดัชนีปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,570 และ 1,580 จุด ตามลำดับ ประเด็นสำคัญ ติดตามการประชุมธนาคารกลางต่างๆ ในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ มอง SET จะผันผวนในกรอบ และมี Upside จำกัด หลังขาดปัจจัยสนับสนุน โดยมองการประชุมนโยบายการเงินของเฟด จะมีมติคงดอกเบี้ยตามตลาดคาด แต่ต้องจับตาหากเฟดส่งสัญญาณปรับชื้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. และเงินเฟ้อ พ.ค. ของสหรัฐออกมาสูงกว่าตลาดคาด จะเป็น sentiment ลบระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยควบคู่ไปกับ ความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนและสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทยที่ล่าช้า จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนต่อเนื่อง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ "Selective Buy" ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 จะยังเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เลือก AOT BBL ADVANC MINT OSP และหุ้นที่คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เลือก KCE ONEE 

2. หุ้นเชิงรับหากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ก.ค. และเงินเฟ้อสหรัฐออกมาสูงกว่าตลาดคาดเลือก BDMS BEM 

3. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ซึ่งต้องการเก็งกำไรระยะสั้น หากเฟดส่งสัญญาณไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ก.ค. และเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าตลาดคาด เลือก DELTA PTTEP BCP 

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น ดังนี้

1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่

2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัย จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ(KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU CENTEL) และกลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SIRI QH AP) 

และ 3) หุ้นที่เราแนะนำ Underperform หรือมีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม (AAV SAWAD MST NRF)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ AOT ปี 2566 (ต.ค.2565-ก.ย.2566) คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวกลับมามีกําไร 1.5 หมื่นล้านบาท โดยกำไรจะเร่งตัวขึ้นในระยะถัดไป ด้วยแรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เติบโตเพิ่มขึ้นและการกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ

NYT เป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องของตลาดส่งออกรถยนต์ของไทยและตลาดนำเข้ารถยนต์ EV โดยไตรมาส 2/2566 คาดกำไรโตเด่น YoY สะท้อนจากปริมาณรถยนต์ผ่านท่าของบริษัท เม.ย. และ พ.ค. ที่ โต 31%YoY และ 22%YoY ตามลำดับ