posttoday

3 บลจ. แจงลงทุนหุ้นเพิ่มทุน-หุ้นกู้ STARK มีสัดส่วนเล็กน้อย

05 มิถุนายน 2566

BBLAM แจงมี 4 กองทุน ลงทุนหุ้น STARK เพียง 0.4-0.6% ของ NAV แต่ละกองทุน ผลกระทบจึงมิได้น่ากลัวตามข่าว ด้าน ONEAM ยันไม่มีสัดส่วนลงทุนหุ้น STARK ในพอร์ตตั้งแต่ต้น ก.พ.66 ส่วนหุ้นกู้ลงทุนใน STARK245A มีสัดส่วน 0.03% ของ AUM ONEAM ฟาก KTAM ระบุมีแค่วอแรนต์

บลจ.บัวหลวง (BBLAM) ระบุว่า ตามที่มีข่าวจากแหล่งต่างๆ ว่า กองทุนภายใต้การจัดการของ บลจ.บัวหลวง มีการถือครองหุ้นของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งไม่สามารถนำส่งงบการเงินประจำปี 2565 ได้ หุ้นจึงถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ ระงับการซื้อขายไปตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2566 และเมื่อเปิดให้มีการซื้อขายอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2566 ราคาหุ้น STARK ก็ปรับตัวลดลงมามาก ซึ่ง บลจ.บัวหลวง มิได้นิ่งนอนใจ และได้ดำเนินการบริหารกองทุนด้วยความระมัดระวังมาโดยตลอด

สำหรับการจัดสัดส่วนการลงทุนของหุ้นแต่ละตัวในพอร์ตลงทุนนั้น ทางทีมผู้จัดการกองทุน นอกจากวิเคราะห์ถึงโอกาสในการลงทุน ยังได้มีการกระจายการลงทุน และบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม โดยไม่ให้ไปกระจุกในกลุ่มอุตสาหกรรม หรือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป รวมถึงประเมินความเสี่ยงจากตลาด และการดำเนินธุรกิจของบริษัท เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนของแต่ละกองทุนโดยรวมในระยะยาว ซึ่งอาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ 

ทั้งนี้ กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น STARK นั้น มี 4 กองทุน โดยถือหุ้น STARK ในสัดส่วนเพียง 0.4-0.6% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของแต่ละกองทุนเท่านั้น ผลกระทบต่อกองทุนจึงมิได้ดูน่ากลัวตามที่มีข่าวออกมา ซึ่งสะท้อนถึงผลดีของการกระจายการลงทุนของกองทุนไปในหุ้นต่างๆ มากกว่า 70 ตัว โดย 5 กลุ่มอุตสาหกรรมแรกที่เน้นลงทุนเป็นกลุ่ม พลังงาน ธนาคาร ค้าปลีก ขนส่ง และอสังหาริมทรัพย์ มีน้ำหนักรวมกันประมาณเกือบ 50% ของกองทุน 

โดยสัดส่วนการลงทุนใน STARK ของกองทุนรวม 4 กองทุน ภายใต้การจัดการของ บลจ.บัวหลวง ณ วันที่ 31 พ.ค.2566 ตามตารางด้านล่างนี้

3 บลจ. แจงลงทุนหุ้นเพิ่มทุน-หุ้นกู้ STARK มีสัดส่วนเล็กน้อย

ด้าน บลจ.วรรณ (ONEAM) ชี้แจงว่า ตามที่มีข่าวจากแหล่งข่าวต่างๆ เกี่ยวกับสัดส่วนการลงทุนใน STARK ของกองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ ซึ่งมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ดังนั้น บลจ.วรรณ ขอเรียนชี้แจงสัดส่วนการลงทุน ณ ปัจจุบัน ดังนี้ 

ตราสารทุน : ปัจจุบันไม่มีการลงทุนในหุ้นของ STARK โดย บลจ.วรรณ ได้ทยอยลดสัดส่วนตั้งแต่ปลายปี 2565 และไม่มีสัดส่วนคงเหลือในพอร์ตตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.2566 ที่ผ่านมา 

ตราสารหนี้ : ปัจจุบันมีการลงทุนในหุ้นกู้ STARK245A เพียงรุ่นเดียว ซึ่งมีมติจากการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2566 ให้ยกเว้นเหตุผิดนัดกรณีไม่ส่งแบบ 56-1 ทำให้ปัจจุบันสถานะของหุ้นกู้ดังกล่าวยังเป็นปกติ ทั้งนี้ ปัจจุบันบลจ.วรรณ มีสัดส่วนหุ้นกู้ของ STARK ทั้งหมด แค่เพียง 0.03% เมื่อเทียบกับ AUM ของบลจ.วรรณ 

ทั้งนี้ บลจ.วรรณ ขอยืนยันให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมั่นใจได้ว่า เรายังคงติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและมิได้นิ่งนอนใจ โดยยังดำเนินการบริหารกองทุนด้วยความระมัดระวังมาโดยตลอด เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ ลงทุนต่อไป

ขณะที่ บลจ.กรุงไทย (KTAM) ชี้แจงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้ และหุ้น STARK ของกองทุนรวมภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย ดังนี้ 

ตราสารหนี้ : KTAM ไม่เคยมีการลงทุนในตราสารหนี้ของ STARK เนื่องจากไม่อยู่ใน Universe ตราสารหนี้ของ KTAM 

ตราสารทุน : KTAM ได้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นทุน STARK ส่วนใหญ่ตั้งแต่ปลายปี 2565 และไม่มีการลงทุนในหุ้นทุน STARK นับตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.2566 

ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) : มีสัดส่วนถือครองที่ไม่มีนัยสำคัญ (ซึ่งเป็นการได้มาตามสิทธิในอดีตโดยไม่มีต้นทุน) 

สำหรับตัวเลขขาดทุนจากการลงทุนที่มีสื่อนำมาเปิดเผยนั้น ไม่ใช่ข้อมูลตามข้อเท็จจริงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสมมุติฐานบนตัวเลขที่นักลงทุนสถาบันแต่ละแห่งได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในช่วงวันที่ 7 ต.ค.2565 ซึ่งไม่สะท้อนถึงสถานะพอร์ตการลงทุน ณ ปัจจุบัน (ที่มา : KTAM ข้อมูล ณ วันที่ 2 มิ.ย.2566) 

KTAM ขอยืนยันให้ผู้ลงทุกท่านมั่นใจว่า ทุกกองทุนภายใต้การจัดการของ บลจ. มีการจัดสรรเงินลงทุนที่ดี กระจายการลงทุนไปในตราสารที่หลากหลายโดยคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เน้นลงทุนในตราสารคุณภาพดีที่ผู้ออกมีความมั่นคง และมีสภาพคล่องสูง ทั้งนี้ บลจ. ยังคงมุ่งมั่นที่จะบริหารกองทุนโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของนักลงทุนเป็นหลักเสมอไป