posttoday

ดราม่าการเมืองฟาดไม่หยุด! หุ้นไทยสัปดาห์หน้าอาการน่าเป็นห่วง

26 พฤษภาคม 2566

หุ้นไทยสัปดาห์หน้า(29 พ.ค.-2 มิ.ย.66)อาการน่าเป็นห่วง ดราม่าแย่งเก้าอี้ประธานสภาฉุดเชื่อมั่น-ประชุม กนง.ส่อขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย พร้อมเกาะติดเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐแบบวันต่อวัน

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(26 พ.ค.2566) อยู่ที่ 1,530.84 จุด ลดลง 4.58 จุด คิดเป็น -0.30% มูลค่าการซื้อขาย 38,787.30 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด ที่ 1,536.08 จุด และลดลงต่ำสุด 1,527.59 จุด

ขณะที่ "นักลงทุนสถาบัน" ซื้อสุทธิ 1,288.22 ล้านบาท ควงคู่พระเอก "นักลงทุนรายย่อยในประเทศ" ซื้อสุทธิ 2,290.74 ล้านบาท สวนทาง "นักลงทุนต่างประเทศ" ขายสุทธิ 3,567.16 ล้านบาทต่อเนื่อง และ บัญชี บล. ขายสุทธิ 11.80 ล้านบาท

5 หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 143 บาท ลดลง -5.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,127.18 ลบ.
2.DELTA ปิดที่ 93.25 บาท ลดลง -0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,044.13 ลบ.
3.CPALL ปิดที่ 63.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,406.95 ลบ.
4.KBANK ปิดที่ 132.50 บาท ลดลง 2 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,398.86 ลบ.
5.AOT ปิดที่ 70 บาท ลดลง -0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,197.83 ลบ.

นายธวัชชัย อัศวพรไชย รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด กล่าวกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า ตลาดหุ้นไทยในวันนี้(26 พ.ค.66)ถือว่าแกว่งตัวผันผวนคล้ายแบบเดิม แม้ว่าในช่วงระหว่างวันอาจจะผันผวนเพิ่มขึ้นบ้าง เนื่องจากนักลงทุนชะลอลงทุนเพื่อรอดูต่างชาติว่าจะกลับเข้ามาซื้อหรือไม่และยังคงไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า(วันที่ 29 พ.ค.-2 มิ.ย.66) คาดทรงตัวในกรอบ 1,530-1,520 จุด แนวต้าน 1,540-1,542 จุด โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือสถานการณ์การเมืองไทยว่าจะคลี่คลายในทางที่ดีหรือไม่ หลังจากที่วันนี้เกิดกรณีความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ทางการเมือง ผลจากท่าที 2 พรรคใหญ่มีการยื้อแย่งเก้าอี้ประธานสภาทำให้เกิดภาพที่อาจจะทำให้เห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหา แต่ไม่ได้หมายความว่าจัดตั้งไม่ได้ เพียงแต่บ่งชี้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้น

อีกทั้ง ท่าที กกต.ว่าจะมีการประกาศข่าวอะไรออกมาหรือไม่ รวมถึงติดตามการประชุม กนง. วันพุธหน้าว่าจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าน่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อคุมเงินเฟ้อตามเป้าหมาย จากนั้นคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไปต่อเนื่อง 

ดังนั้นหากภาพการเมืองไทยยังคงมีปัญหามีผลในเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าให้สามารถปรับตัวลงได้อีก สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ หรือ รอจังหวะที่ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงแรงๆเข้าสะสม 2 กลุ่มหุ้น ดังนี้ 1.กลุ่มแบงก์ แนะนำ KBANK , BBL รับอานิสงส์หาก กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ 2.กลุ่มส่งออก แนะนำ TU , GFPT  

อย่างไรก็ดี ปัจจัยในต่างประเทศที่ต้องติดตาม คือ การเจรจาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐแบบวันต่อวัน หลังจากที่การเจรจาก่อนหน้านี้ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นต้น