posttoday

แพนิกการเมือง!! ต่างชาติส่อขายหุ้นไทยต่อ รอภาพรัฐบาลชัด-บ้านเมืองสงบ

22 พฤษภาคม 2566

แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่!! ฟันด์โฟลว์ส่อไหลออกต่อเนื่อง หวั่นการเมืองเดือด จุดฉนวนความไม่สงบในประเทศ กูรูชี้ต่างชาติคัมแบคหากการเมืองนิ่ง-บ้านเมืองสงบ พร้อมสแกนหุ้นเข้าธีมพื้นฐานดี ราคาถูก รอจังหวะย่อสะสม 8 หุ้น #เราต้องรอด

จากการรวบรวมตัวเลขมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุน นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-19พ.ค.2566 พบว่า นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 80,522.54 ล้านบาท รองลงมาคือ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุิทธิ 5,631.47 ล้านบาท ขณะที่ นักลงทุนรายย่อย แทงสวนเข้าซื้อสุทธิ 62,747.41 ล้านบาท รองลงมาคือ สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 23,406.61 ล้านบาท

แพนิกการเมือง!! ต่างชาติส่อขายหุ้นไทยต่อ รอภาพรัฐบาลชัด-บ้านเมืองสงบ

ทำไม? ต่างชาติทิ้งหุ้นไทย

"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือน ก.พ.66ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มากกว่า 8 หมื่นล้านบาท สาเหตุเกิดจากหุ้นไทยไม่สวย ภาพปัจจัยพื้นฐานของกำไรตลาดปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.พ.66 ที่สำคัญการประกาศงบไตรมาส 1/66 นักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการกำไรโดยรวมลงหลายกลุ่ม ทำให้กำไรของตลาดลดลงมาเยอะราว 6%จากต้นปี

อีกทั้ง หุ้นไทยไม่ได้ซื้อขายในโซนที่ถูกมาก เทรดพี/อี กว่า 16 เท่า เทียบกับเกาหลีใต้ พี/อี 13 เท่า ขณะที่ GDP ไทยอยู่ในโซนโตกว่า 3% แต่เมื่อเทียบกับต่างประเทศ อย่าง อินเดีย GDP โต 6-7%ต่อปี ดังนั้นเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจึงไหลเข้าอินเดียค่อนข้างมาก รองลงมาคือเกาหลีใต้ ดังนั้นด้วยสัญญาณที่เห็น บวกการฟื้นตัวของกำไรตลาดอาจจะช้าไปและเปิดดาวน์ไซต์ จึงมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ การเลือกตั้งอาจจะมีสัญญาณไม่เป็นที่น่าพอใจต่อตลาดหุ้นมากนัก เพราะนโยบายพรรคก้าวไกลอาจจะไม่เอื้อต่อบิ๊กแคปส์ตลาดหุ้นมากนัก และ ตามหลักการเลือกนายกฯของไทยจำเป็นต้องอาศัยเสียง สว. ซึ่งปัจจุบันการฟอร์มทีมรัฐบาลยังไม่ชัดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายกฯจะมีเสียงสนับสนุนเพียงพอหรือไม่ หากทุกอย่างล่าช้าออกไปนักลงทุนจะกลัวการปรับลดลงของ GDP ในช่วงปลายปีนี้ว่างบประมาณเบิกจ่ายต่างๆอาจจะออกมาไม่ทัน

"หุ้นไทยไม่ได้สวยเซ็กซี่ Valuationไม่ได้ถูกมากเมื่อเทียบกับตลาดภูมิภาค ขณะที่ความเสี่ยงหลายๆประเด็น ปัญหาในประเทศยังมีอยู่ต่างชาติจึงแรงขายออกมาต่อเนื่อง"

ถามว่า..ต่างชาติจะขายอีกหรือไม่ ? 

ด้วย Valuation ไม่ได้ถูกมาก กำไรตลาดราว 95 บาท ดัชนีหุ้นไทยแตะระดับ 1,500 จุด เทรดพี/อี 15.80 เท่า ถือว่ามีดิสเคาท์ลงมาจากค่าเฉลี่ยระยะกลางกรอบ 10 ปี เทรดพี/อี ราว 16-17 เท่า ซึ่งปัจจุบันเทรดพีอี 15.80 เท่า ถือว่าไม่แพงเกินไปมากแต่ด้วยความเสี่ยงการเมืองที่ยังไม่นิ่ง เชื่อว่าต่างชาติยังไม่หยุดขาย และหากดูเทรนด์ต่างประเทศ ค่าเงินต่างๆ หรือ ทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย  (Policy Rate) ต่างประเทศยังไม่นิ่ง หรือยืนแตะระดับสูงและมีโอกาสขยับดอกเบี้ยขึ้นได้อีกส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ยังไม่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย เน้นขายลดเสี่ยงก่อน 

ต่างชาติมีโอกาสกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยหรือไม่ ?

ส่วนตัวมองว่า ต่างชาติจะกลับมาขึ้นอยู่กับว่าไทยต้องมีรัฐบาลที่ชัดเจน และไม่สร้างความวุ่นวาย สมมุติกรณีก้าวไกลไม่ได้แล้วเพื่อไทยขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาลและอาจจะรวมทีมรัฐบาลเดิมเข้ามารวม นั่นอาจจะเกิดสัญญาณความไม่สงบหรือไม่ ทั้งนี้โดยไทม์ไลน์ 60 วันภาพถึงจะชัดแต่โดยส่วนตัวมองว่า 1 เดอืนน่าจะเห็นภาพชัดว่าการจัดตั้งทีมไหวมั้ย  

8หุ้นน้ำจังหวะย่อซื้อ ?

ตลาดหุ้นช่วงสั้นๆยังมีโอกาสปรับตัวลดลง เพราะคาดการณ์รัฐบาลใหม่จะชัดเจนและเข้ามาบริหารงานได้คาดในช่วงไตรมาส 4/66 หากทุกอย่างชัดเจนและเข้าสู่จุดที่เป็นบทสรุป ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสม

โดยเน้นกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจคือ 1.การท่องเที่ยว แม้ในไตรมาส 2/66 เข้าโลว์ซีซั่นทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลง แต่ในช่วงปลายปีตัวเลขจะกลับมาพีคอีกครั้ง ดังนั้นหากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำ AOT แม้ราคาจะปรับตัวลดลงแต่เชื่อว่าสุดท้ายราคาจะกลับมาดี 
2.กลุ่ม COMMERCE หากไม่หวั่นเรื่องผลกระทบจากกลุ่มทุนใหญ่ แนะนำ CRC / CPALL แต่ด้วยราคาลดลง นักลงทุนรอจังหวะย่อๆค่อยสะสม 
3.เครื่องดื่ม แนะนำหุ้น ICHI ผลประกอบการไตรมาส 1/66 ค่อนข้างดี และคาดว่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 2
4.BANK ผลประกอบการดีต่อเนื่อง แนะนำหุ้น TTB จากตัวเลขส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ดีขึ้น สามารถบริหารต้นทุนต่างๆได้ดีขึ้น ตั้งสำรองดี บวก Valuation ไม่แพง / หุ้น KTB 
5.ไฟฟ้า หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มองว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาเยอะ แต่พื้นฐานไม่ได้แย่ โดยเฉพาะ หุ้น GULF พื้นฐานแกร่ง คอนเนกชันดี โครงการต่างๆเติบโต ภาพรวมยังไปได้ดีมากๆ ดังนั้นช่วงจังหวะราคาย่อตัวลงมาเข้าสะสมได้ 
6.สื่อสาร แนะนำหุ้น ADVANC แม้ช่วงแรกอาจได้รับแรงกระแทกตาม GULF แต่หากดูตัวเลข ARPU(Average Revenue Per User) หรือรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน(คิดเป็นรายเดือน)ในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาดีเพราะไม่มีโปรโมชั่นการแข่งขันที่สูง หากราคาลงมาใกล้ๆ 200 บาทเข้าสะสมได้