แพนิกการเมือง!! ต่างชาติส่อขายหุ้นไทยต่อ รอภาพรัฐบาลชัด-บ้านเมืองสงบ
แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่!! ฟันด์โฟลว์ส่อไหลออกต่อเนื่อง หวั่นการเมืองเดือด จุดฉนวนความไม่สงบในประเทศ กูรูชี้ต่างชาติคัมแบคหากการเมืองนิ่ง-บ้านเมืองสงบ พร้อมสแกนหุ้นเข้าธีมพื้นฐานดี ราคาถูก รอจังหวะย่อสะสม 8 หุ้น #เราต้องรอด
จากการรวบรวมตัวเลขมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุน นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-19พ.ค.2566 พบว่า นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 80,522.54 ล้านบาท รองลงมาคือ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุิทธิ 5,631.47 ล้านบาท ขณะที่ นักลงทุนรายย่อย แทงสวนเข้าซื้อสุทธิ 62,747.41 ล้านบาท รองลงมาคือ สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 23,406.61 ล้านบาท
ทำไม? ต่างชาติทิ้งหุ้นไทย
"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือน ก.พ.66ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มากกว่า 8 หมื่นล้านบาท สาเหตุเกิดจากหุ้นไทยไม่สวย ภาพปัจจัยพื้นฐานของกำไรตลาดปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.พ.66 ที่สำคัญการประกาศงบไตรมาส 1/66 นักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการกำไรโดยรวมลงหลายกลุ่ม ทำให้กำไรของตลาดลดลงมาเยอะราว 6%จากต้นปี
อีกทั้ง หุ้นไทยไม่ได้ซื้อขายในโซนที่ถูกมาก เทรดพี/อี กว่า 16 เท่า เทียบกับเกาหลีใต้ พี/อี 13 เท่า ขณะที่ GDP ไทยอยู่ในโซนโตกว่า 3% แต่เมื่อเทียบกับต่างประเทศ อย่าง อินเดีย GDP โต 6-7%ต่อปี ดังนั้นเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจึงไหลเข้าอินเดียค่อนข้างมาก รองลงมาคือเกาหลีใต้ ดังนั้นด้วยสัญญาณที่เห็น บวกการฟื้นตัวของกำไรตลาดอาจจะช้าไปและเปิดดาวน์ไซต์ จึงมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การเลือกตั้งอาจจะมีสัญญาณไม่เป็นที่น่าพอใจต่อตลาดหุ้นมากนัก เพราะนโยบายพรรคก้าวไกลอาจจะไม่เอื้อต่อบิ๊กแคปส์ตลาดหุ้นมากนัก และ ตามหลักการเลือกนายกฯของไทยจำเป็นต้องอาศัยเสียง สว. ซึ่งปัจจุบันการฟอร์มทีมรัฐบาลยังไม่ชัดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายกฯจะมีเสียงสนับสนุนเพียงพอหรือไม่ หากทุกอย่างล่าช้าออกไปนักลงทุนจะกลัวการปรับลดลงของ GDP ในช่วงปลายปีนี้ว่างบประมาณเบิกจ่ายต่างๆอาจจะออกมาไม่ทัน
"หุ้นไทยไม่ได้สวยเซ็กซี่ Valuationไม่ได้ถูกมากเมื่อเทียบกับตลาดภูมิภาค ขณะที่ความเสี่ยงหลายๆประเด็น ปัญหาในประเทศยังมีอยู่ต่างชาติจึงแรงขายออกมาต่อเนื่อง"
ถามว่า..ต่างชาติจะขายอีกหรือไม่ ?
ด้วย Valuation ไม่ได้ถูกมาก กำไรตลาดราว 95 บาท ดัชนีหุ้นไทยแตะระดับ 1,500 จุด เทรดพี/อี 15.80 เท่า ถือว่ามีดิสเคาท์ลงมาจากค่าเฉลี่ยระยะกลางกรอบ 10 ปี เทรดพี/อี ราว 16-17 เท่า ซึ่งปัจจุบันเทรดพีอี 15.80 เท่า ถือว่าไม่แพงเกินไปมากแต่ด้วยความเสี่ยงการเมืองที่ยังไม่นิ่ง เชื่อว่าต่างชาติยังไม่หยุดขาย และหากดูเทรนด์ต่างประเทศ ค่าเงินต่างๆ หรือ ทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Rate) ต่างประเทศยังไม่นิ่ง หรือยืนแตะระดับสูงและมีโอกาสขยับดอกเบี้ยขึ้นได้อีกส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ยังไม่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย เน้นขายลดเสี่ยงก่อน
ต่างชาติมีโอกาสกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยหรือไม่ ?
ส่วนตัวมองว่า ต่างชาติจะกลับมาขึ้นอยู่กับว่าไทยต้องมีรัฐบาลที่ชัดเจน และไม่สร้างความวุ่นวาย สมมุติกรณีก้าวไกลไม่ได้แล้วเพื่อไทยขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาลและอาจจะรวมทีมรัฐบาลเดิมเข้ามารวม นั่นอาจจะเกิดสัญญาณความไม่สงบหรือไม่ ทั้งนี้โดยไทม์ไลน์ 60 วันภาพถึงจะชัดแต่โดยส่วนตัวมองว่า 1 เดอืนน่าจะเห็นภาพชัดว่าการจัดตั้งทีมไหวมั้ย
8หุ้นน้ำจังหวะย่อซื้อ ?
ตลาดหุ้นช่วงสั้นๆยังมีโอกาสปรับตัวลดลง เพราะคาดการณ์รัฐบาลใหม่จะชัดเจนและเข้ามาบริหารงานได้คาดในช่วงไตรมาส 4/66 หากทุกอย่างชัดเจนและเข้าสู่จุดที่เป็นบทสรุป ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสม
โดยเน้นกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจคือ 1.การท่องเที่ยว แม้ในไตรมาส 2/66 เข้าโลว์ซีซั่นทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลง แต่ในช่วงปลายปีตัวเลขจะกลับมาพีคอีกครั้ง ดังนั้นหากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำ AOT แม้ราคาจะปรับตัวลดลงแต่เชื่อว่าสุดท้ายราคาจะกลับมาดี
2.กลุ่ม COMMERCE หากไม่หวั่นเรื่องผลกระทบจากกลุ่มทุนใหญ่ แนะนำ CRC / CPALL แต่ด้วยราคาลดลง นักลงทุนรอจังหวะย่อๆค่อยสะสม
3.เครื่องดื่ม แนะนำหุ้น ICHI ผลประกอบการไตรมาส 1/66 ค่อนข้างดี และคาดว่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 2
4.BANK ผลประกอบการดีต่อเนื่อง แนะนำหุ้น TTB จากตัวเลขส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ดีขึ้น สามารถบริหารต้นทุนต่างๆได้ดีขึ้น ตั้งสำรองดี บวก Valuation ไม่แพง / หุ้น KTB
5.ไฟฟ้า หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มองว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาเยอะ แต่พื้นฐานไม่ได้แย่ โดยเฉพาะ หุ้น GULF พื้นฐานแกร่ง คอนเนกชันดี โครงการต่างๆเติบโต ภาพรวมยังไปได้ดีมากๆ ดังนั้นช่วงจังหวะราคาย่อตัวลงมาเข้าสะสมได้
6.สื่อสาร แนะนำหุ้น ADVANC แม้ช่วงแรกอาจได้รับแรงกระแทกตาม GULF แต่หากดูตัวเลข ARPU(Average Revenue Per User) หรือรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน(คิดเป็นรายเดือน)ในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาดีเพราะไม่มีโปรโมชั่นการแข่งขันที่สูง หากราคาลงมาใกล้ๆ 200 บาทเข้าสะสมได้