posttoday

เลือดสาด!! GULF-ADVANC-SIRI นำทีมหุ้นใหญ่ร่วงแรงรับผลเลือกตั้ง

15 พฤษภาคม 2566

หุ้นเจ้าสัวโดนถล่ม!! GULF ราคาร่วง 3.25 บาท ADVANC ลดลง 5 บาท MAKRO ลดลง 1 บาท CPALL ลดลง 1.25 บาท TRUE ลดลง 0.25 บาท และ SIRI ลดลง 0.04 บาท ฉุดดัชนีเช้านี้(15 พ.ค.2566)วูบกว่า 6 จุด แตะ 1,549.17 จุด ลดลง 12.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28,805.66 ล้านบาท รับผลเลือกตั้งปี66 พรรคก้าวไกลชนะ!!

นักวิเคราะห์ บล.ดาโอ กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรงเช้านี้เนื่องมาจากแรงขายหุ้นในกลุ่มที่เสียประโยชน์จากพรรคก้าวไกลชนะ และนโยบายแต่ละพรรคที่จะช่วยเหลือปากท้องประชาชน กดดันราคาหุ้นโรงไฟฟ้านำทีมโดย GULF ร่วงแรง ประกอบกับหุ้นบางตัวมีแรงกดดันเฉพาะตัวกรณีงบไตรมาส 1/66ลดลง

สิ่งที่ต้องติดตามจากนี้คือ สว.จะโหวตให้พรรคก้าวไกลหรือไม่ อีกทั้งนักลงทุนรอดูแถลงความชัดเจนพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยว่าจะจับมือพรรคก้าวไกลหรือไม่ เพราะหาก 1 ใน 2 พรรคนี้เลือกจับมือพรรคก้าวไกล ภาพตลาดหุ้นจะฟื้นกลับขึ้นมาได้ อาทิ ถ้าพรรคเพื่อไทยฟันธงว่าจับมือพรรคก้าวไกลภาพตลาดหุ้นจะไม่ร่วงแรงแบบนี้และหากจับมือกันจริงก็ต้องดูว่านโยบายจะออกมารูปแบบไหน

นอกจากนี้ต่างชาติกังวลว่าหากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจจะเกิดความวุ่นวายทางการเมือง จึงอาจจะรอดูสถานการณ์แล้วค่อยกลับมาลงทุน ดังนั้นหุ้นจะขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับนักลงทุนไทยเท่านั้น 

อย่างไรก็ดี สูตรการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ หากก้าวไกลจับมือเพื่อไทย เชื่อว่าตลาดหุ้นน่าจะบวกมากว่า เพื่อไทยไปรวมกับพลังประชารัฐ แต่ด้วยตอนนี้สูตรยังไม่ชัดเจน ต้องรอดูว่าใครจับมือกับใครและใครเป็นนายกและคณะรัฐมนตรี ต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้ง

ลุ้นจัดตั้งรัฐบาลใหม่

ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า KCS คาดมีโอกาสที่จะเห็นการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลใหม่และมีโอกาสได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ (307-370เสียง ถ้าเป็นไปตามนี้ SET น่าจะเป็นไปตาม Base Case เราคือปลายปี ลุ้น 1748-1780จุด) ถือเป็นภาพบวกในส่วนการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ในระยะกลาง อิงสถิติ SET มักบวกหลังการเลือกตั้งราว 1สัปดาห์-1เดือน เฉลี่ยราว 2.77% และหลังจากนั้นจะอิงพัฒนาการจัดตั้งรัฐบาลที่จะมีผลต่อเรื่องการอนุมัติงบประมาณประจำปั 2024 และความเชื่อมั่นต่อทีมเศรษฐกิจเป็นหลัก

ทั้งนี้ นโยบายหลักพรรคแกนนำก้าวไกลที่มีแนวโน้มสนับสนุนรัฐสวัสดิการ รวมถึงการเติบโตธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก กลุ่มมองบวก คือ กลุ่มอิงเศรษฐกิจภายในจากการกระจายตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น อาทิ ADVANC, SAWAD, GLOBAL, OSP, MC, SABINA, TOA, ICHI, AEONTS แต่เป็นจิตวิทยาลบหุ้นใหญ่ที่มีการแข่งขันในอุตสาหกรรมน้อย จากทิศทางนโยบายของพรรคผู้ชนะการเลือกตั้งที่เคยให้ความเห็นไว้

ส่วนค่าแรงขั้นต่ำที่มีแนวโน้มขึ้นเป็น 450 บาททันที เพิ่ม 33.5% จากค่าแรงปัจจุบัน ลบต่อกลุ่มอิงแรงงานสูง อาทิ ร้านอาหาร, รับเหมา, โรงแรม, อสังหาฯ และสถานีบริการน้ำมัน ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานปรับเพิ่มตั้งแต่ปี 24F โดยให้ปัจจัยอื่นคงที่ เราประเมินทุกๆ 10% ที่ปรับขึ้นจะกระทบกำไรตลาดราว -2.3 พันล้านบาท การขึ้น 33.5% จะกระทบราว -7.7 พันล้านบาท กระทบกำไรตลาดต่อหุ้นน้อยกว่า 1 บาท

หุ้นแนะนำคือ หุ้น AOT (TRADING BUY, TP78.0) เรามอง Neutral ต่อกำไรสุทธิ 2Q23 (ม.ค.-มี.ค.23) ที่ 1,657 ลบ. (24% ของ pre-COVID) ฟื้นตัวต่อเนื่องตามคาค โดยฟื้นจากขาดทุน -3,276 ลบ. ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่ม +443% q-q ตามการฟื้นตัวของปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบิน แนวโน้มกำไร 3Q23F (เม.ย.-มิ.ย.23) ฟื้นต่อเป็น 2,563 ลบ. (34% pre-COVID) แม้ตามปกติเป็น Low season แต่มีแรงหนุนจาก (1) การเปิดประเทศจีน และ (2) สิ้นสุดมาตรการช่วยผู้ประกอบการในสนามบิน อย่างไรก็ตาม เรามองราคาหุ้น AOT เพิ่มมาซื้อขายที่ 96% pre COVID สะท้อนบ้างแล้ว คงคำแนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 78 บาท
 
หุ้น TOA (BUY, TP41.0) เรามอง Positive ต่อกำไรสุทธิ 1Q23 ที่ 632 ลบ. (+54%y-y, +121%q-q) สุงสุดใน 8 ไตรมาสและดีกว่าเราและตลาดคาด 15%/18% และหากไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษ กำไรปกติ สูงกว่าเราคาด 21% จาก Gross margin กลับมาฟื้นเด่น y-y ครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส ปัจจัยหลักจาก Product mix ที่ดี และการปรับราคาในปีก่อน เริ่มเห็นผลชดเชยต้นทุน โดยกำไร 1Q23 คิดเป็น 30% ของกำไรปี 23F 2.1 พันลบ. (+53% y-y) เป็นปีที่ดี ภายใต้ต้นทุนทยอยปรับลงทั้ง Oil linked (18% ของต้นทุน) ซึ่งสต็อคสั้น บวกต่อต้นทุนไว, Tio2 (20% ของต้นทุน) ปรับสูตรลดต้นทุน และเงินบาทเป็นโซนแข็งค่า ขณะที่ ธุรกิจแกร่งด้วย Market share ตลาดสีเกือบ 50% พร้อมเพิ่มฐานรายได้ต่อยอดไปกลุ่มต้นน้ำจากสินค้าวัสดุก่อสร้างอื่นเพิ่มเติม (เคมีก่อสร้าง, ยิปซั่ม, กระเบื้อง,เครื่องมือช่าง) ช่วยเสริมภาพธุรกิจแข็งแรงขึ้น  แนะนำ “Buy” จาก TP23F 41 บาท อิง DCF (WACC 7.6%, TV Growth 3.5%)