posttoday

MSCI รอบนี้น่าเล่น ? ผ่าเกม MAKRO น่าซื้อ รึ รอก่อน ?

12 พฤษภาคม 2566

ไม่พลิกโผ!! MAKRO เข้าดัชนี MSCI Global Standard ตามคาด มีผล 31 พ.ค.นี้ กูรูประสานเสียงเชียร์ ชี้ผลงานครึ่งปีหลังแข็งแกร่ง

ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง!! Morgan Stanley Capital International (MSCI) ซึ่งเป็นบริษัททำดัชนีราคาหุ้นชั้นนำของโลกได้ประกาศรายชื่อหุ้นที่ถูกคัดเข้า-ออกอย่างเป็นทางการในการคำนวณดัชนี MSCI โดย ดัชนี MSCI Global Standard Index มีหุ้นไทยที่ถูกคัดเข้าคือ MAKRO ขณะที่หุ้นที่ถูกคัดออกคือ JMT,TU 

ดัชนี MSCI Global Small Cap มีหุ้นไทยที่ถูกคัดเข้า คือ JMT, TIDLOR, SAPPE, SISB, TU และไม่มีหุ้นที่ถูกคัดออก ซึ่งหุ้นที่เข้า MSCI จะถูกปรับน้ำหนัก ณ ราคาปิดวันที่ 31 พ.ค.2566 นั่นหมายความว่า เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติมีโอกาสเข้ามาซื้อเพื่อปรับพอร์ตลงทุน

คำถามคือ... MSCI รอบนี้น่าเล่นหรือไม่ ?

"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เล่าให้ฟังว่า ปกติหุ้นที่ถูกคัดเข้าดัชนี MSCI จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เฉลี่ยราว 7-9% ก่อนถึงวันบังคับใช้(รอบนี้คือ ราคาปิด 31พ.ค.66)แต่จะเห็นได้ว่าในเดือนนี้หุ้นที่ถูกคัดเข้าปรับตัวขึ้นมาแรงในระดับหนึ่งแล้ว อย่าง ราคาหุ้น MAKRO เพิ่มขึ้น 8.6%mtd, TIDLOR +21.5%mtd รวมถึง SAPPE +48.6%ytd, SISB +71.9%ytd ดังนั้นรอบนี้จึงอาจจะคาดหวังกำไรได้น้อยลงเมื่อเทียบกับสถิติในอดีตได้
 

ส่วนหุ้นที่ถูกปรับลดระดับดัชนี อย่าง JMT และ TU ปีนี้ปรับตัวลงมาลึกกว่า -40%ytd และ-11%ytd ตามลำดับ คาดราคาหุ้นหลังจากนี้น่าจะผันผวนระยะสั้นเท่านั้น

นอกจากนี้ การปรับหุ้นเข้าออกจากดัชนี MSCI หลังจากนี้น่าจะมีผลต่อการปรับขึ้นลงของราคาหุ้นน้อยลง เนื่องจาก MSCI มีการปรับหุ้นเข้าออกบ่อยขึ้นเป็น 4 รอบต่อปี จากเดิม 2 รอบต่อปีช่วยลดความผันผวนของราคาในช่วง Rebalance พอร์ตการลงทุนทั่วโลก

MAKRO น่าลงทุน ?

สำหรับ หุ้น MAKRO หากพิจารณาจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ถือว่าแย่สุดของปีเพราะรายได้และกำไรลดลง ส่วนไตรมาส 2/66 คาดว่าน่าจะเริ่มดีขึ้น แต่ยังถูกกดดดันจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะจ่ายงวดสุดท้ายในไตรมาสนี้ ขณะที่ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้คาดว่าทุกอย่างจะฟื้นกลับมาดีกว่าครึ่งปีแรก ดังนั้นแนะนำซื้อ เน้นถือลงทุนระยะยาว ให้ราคาเป้าหมาย 44 บาท

บริหารต้นทุนได้ดี 

บทวิเคราะห์ บล.ดาโอ(ประเทศไทย) แนะนำซื้อ MAKRO ราคาเป้าหมาย 45 บาท อิง 2023E PER ที่ 41 เท่า มีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ โดยมีประเด็นสำคัญคือ 1)ตั้งเป้าสัดส่วนธุรกิจ O2O เติบโตถึงที่ระดับ 15-20% ต่อยอดขายภายในปี 2025E ปัจจุบันสัดส่วน consolidated online sales อยู่ที่ 11.2% 2)ผู้บริหารมองกำไรธุรกิจ B2Cใน 1Q23เป็นจุดต่ำสุดและขยายตัวได้ QoQจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงและการปรับปรุง operationที่แล้วเสร็จ 3)เป้า CAPEX ที่ 2หมื่นล้านบาท โดยการขยายสาขาของ B2Bในต่างประเทศที่อาจชะลอตัว จากการ fine-tune กลยุทธิ์ของสาขาในอินเดีย และการเมืองในประเทศพม่า 4)ดอกเบี้ยจ่ายจะเห็นลดลงชัดเจนตั้งแต่ใน 2H23Eเป็นต้นไป จากการ refinance หนี้สกุล USDเสร็จสิ้นในเดือนเม.ย.2023 5)GPMของธุรกิจ B2B จะหนุนให้ GPM เฉลี่ยนรวมขยายตัว

ขณะที่ B2Cทรงตัว คงประมาณการกำไรปี 2023E/2024E ที่ 1.14 และ 1.41 หมื่นล้านบาทตามลำดับ ซึ่งยังคงเห็นการเติบโตได้ถึง +48%/+24% จากคาด 2H23Eจะเห็นการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้นจาก synergy ของทั้ง 2กลุ่มธุรกิจ และค่าใช้จ่ายทางเงินที่ลดลง รวมถึงมองธุรกิจ B2Cกลับมาเป็นบวกมากขึ้น ราคาหุ้นยังคง outperform SET ที่ราว +6/+8% ในช่วง 1และ 3เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และการบริหาร operating expenseได้ดีขึ้น