posttoday

MINT อวด Q1/66 อิบิทด้าโต 200% คอนเฟิร์มปีนี้แกร่ง

08 พฤษภาคม 2566

"ดิลลิป ราชากาเรีย"ปลื้มผลงาน MINT ไตรมาส 1/66 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ EBITDA พุ่ง 200% รับทรัพย์ไมเนอร์ ฟู้ดดันกำไรโต 4 เท่า

นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมี EBITDA จากการดำเนินงานเติบโตมากกว่า 2 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่จำนวน 6.9 พันล้านบาท จาก 2.7 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2565 เพิ่มขึ้น 150% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความต้องการในการเดินทางที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและจำนวนลูกค้าร้านอาหารที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการดำเนินกลยุทธ์การกำหนดราคาค่าห้องพักเชิงรุกและการเพิ่มจำนวนโรงแรมและร้านอาหารใหม่ๆ ในเครือของบริษัท ทั้งนี้ ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ ส่งผลให้อัตราการกำไร EBITDA จากการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก 13.2 ในไตรมาส 1/2565 เป็นร้อยละ 21.1 ในไตรมาส 1/2566 

ทั้งนี้แม้ว่า MINT จะรายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 647 ล้านบาทในไตรมาส 1/2566 เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูการเดินทางในทวีปยุโรปตามที่ทางบริษัทได้คาดการณ์และประมาณการไว้ล่วงหน้า แต่ผลขาดทุนดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลขาดทุนจำนวน 3.6 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2565 โดยไมเนอร์ โฮเทลส์รายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงานในจำนวนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสดังกล่าว ในขณะที่ผลกำไรของไมเนอร์ ฟู้ดเติบโตมากกว่า 4 เท่าจากปีช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงผลักดันจากการยกเลิกมาตรการการปิดเมืองต่างๆ ในประเทศจีนและการรักษาตำแหน่งของไมเนอร์ ฟู้ดในฐานะผู้นำตลาดร้านอาหารในประเทศไทย
 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูง MINT ยังคงมุ่งบริหารจัดการฐานะทางการเงิน โดยลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลงมาอยู่ที่ 0.94 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 จาก 1.17 เท่า ณ สิ้นปี 2565 จากความสำเร็จในการการชำระคืนเงินกู้เดิมด้วยเงินกู้ใหม่ ซึ่งรวมถึงการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนจำนวน 10.5 พันล้านบาทในระหว่างไตรมาส นอกจากนี้ ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของ MINT ประกอบกับอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตเชิงกลยุทธ์อย่างแข็งแกร่งเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินต่อไป

นายดิลลิป กล่าวย้ำถึงความเชื่อมั่นในแนวโน้มและผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่เหลือของปี 2566 ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากการเดินทางทั่วโลกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และกลยุทธ์การยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์เชิงรุกของบริษัทสำหรับธุรกิจร้านอาหาร โดยอัตราการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารของไมเนอร์ ฟู้ดยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีน จากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศในทุกภูมิภาค ประกอบกับกลยุทธ์การขายเฉพาะของแต่ละแบรนด์ เพื่อที่จะรับมือกับสภาวะของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ไมเนอร์ ฟู้ด ประเทศไทยจึงให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของแบรนด์ ขณะที่ กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนได้มีการเปิดตัวเมนูใหม่คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายอย่างแข็งแกร่ง 
 

นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่งบ่งบอกว่าผลการดำเนินงานของ MINT อาจสูงเกินความคาดหมาย โดยไมเนอร์ โฮเทลส์ดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ เช่น กลยุทธ์การขาย การตลาด โซเชียลมีเดีย และโปรแกรมความภักดีเพื่อผลักดันให้โรงแรมเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและส่งเสริมการขายข้ามแบรนด์และข้ามภูมิภาคไปยังตลาดใหม่

“โรงแรมของเราทั่วโลกมีความพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากความพยายามในการขายข้ามแบรนด์และข้ามภูมิภาค, ความสำเร็จในการขยายแบรนด์ของเราออกนอกตลาดต้นกำเนิดของแบรนด์นั้นๆ และเจาะเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีโอกาสในการเติบโต”นายดิลลิป กล่าว