posttoday

SET เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,590-1,610 จุด

12 เมษายน 2566

SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,590-1,610 จุด ก่อนประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ-รายงานประชุมเฟด-หยุดเทศกาลสงกรานต์ กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ BBL และ MAKRO

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,590-1,610 จุด ก่อนสหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ และรายงานประชุมเฟดในคืนนี้ รวมถึงปลายสัปดาห์นี้มีรายงานผลการดำเนินงานธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ ขณะที่ SET วันนี้เป็นวันทำการสุดท้ายก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์ ทำให้มองดัชนีแกว่งในกรอบ ส่วนภาพรวม หากไม่ต่ำกว่า 1,570 จุด ยังเป็นสัญญาณที่ดีต่อการปรับขึ้นได้ต่อ

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET ยังมี Upside จํากัดและมีโอกาสพักตัว หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และโดยปกตินักลงทุนจะชะลอการเข้าลงทุนจากการมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ (ปกติเดือน เม.ย. วอลุ่มตลาดส่วนใหญ่จะลดลง MoM) อีกทั้งมุมมองที่แตกต่างระหว่างเฟดและตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดในระยะต่อไปกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

1. หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤตการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี2566-2567 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากําไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนํา Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยชื้อขายด้วยPER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ให้คาด Downside เริ่มจํากัด จึงมองเป็นโอกาสชื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF

2. หุ้นที่มีสถิติให้ผลตอบแทนดีหากชื่อวันแรกหลังเปิดสงกรานต์และขายปลายเดือน เม.ย. โดยคัดเลือกหุ้นที่เราแนะนํา Outperform และมีปัจจัยบวกหนุน ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เลือก PTT BCP ซึ่งคาดได้อานิสงส์ราคานํ้ามันฟื้นตัว และค่าการกลับเข้าสู่ High Season, กลุ่มค้าปลีก เลือก HMPRO หลังอุปสงค์ เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มให้ความเย็นปรับตัวดีขึ้นจากภาวะอากาศร้อนจัด และหุ้นปันผล เลือก AP KKP KTB LH ซึ่งจะขี้น XD ในช่วงกลาง เม.ย.-ต้น พ.ค. นี้

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BBL คาดไตรมาส 1/2566 มีกําไรปกติราว 1.07 หมื่นล้านบาท เติบโต 50%YoY สูงที่สุดในกลุ่ม อีกทั้งมองมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และได้ประโยชน์มากที่สุดจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น มีเงินปันผลจ่าย 3 บาท (XD 21 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield 1.9%

MAKRO คาดไตรมาส 1/2566 มีกําไรปกติ 2.4 พันล้านบาท เติบโต 15%YoY จากยอดขายที่ดีขึ้นมากพอจะชดเชยดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น ขณะที่การรีไฟแนนซ์หนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐเสร็จจากการออกหุ้นกู้สกุลบาทในเดือน เม.ย. จะทำให้ต้นทุนทางการเงินปรับลดลง