ทรู-ดีแทค แจ้งตลาดฯควบเป็น “ทรูคอร์ปอเรชั่น” ไร้ปัญหา แม้ยังมีคดีที่ศาล
หลังศาลปกครองกลางยกคำร้องคุ้มครองชั่วคราว ทั้ง 2 คดี แม้ล่าสุดเรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ ลั่นไม่มีผลกระทบต่อการควบรวม เหตุเดินหน้าตามกฎหมายบริษัทจำกัดมหาชน พร้อมมีแผนรองรับตามมาตรการกสทช.
วันนี้ (6 ก.พ. 2566) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่มีการฟ้องร้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เกี่ยวกับมติรับทราบกรณีการรวมธุรกิจระหว่างทรู และ ดีแทค ซึ่งทรู และ ดีแทคเข้ามาเป็นผู้ร้องสอด
บริษัทขอเรียนชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่มีการฟ้องร้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (“กสทช.”) เกี่ยวกับมติ กสทช. ที่รับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทระหว่างบริษัทฯ และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) (“True”) (“การควบบริษัท”) ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งเรียกให้บริษัทฯ และ True เข้าเป็นผู้ร้องสอด และความคืบหน้าในการปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะสำหรับการควบบริษัทที่กำหนดโดย กสทช. ดังนี้
1. คดีที่มีการฟ้องร้องต่อ กสทช. เกี่ยวกับมติรับทราบการรวมธุรกิจที่บริษัทฯ และ True เข้าเป็นผู้ร้องสอด บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่มีการฟ้องร้อง กสทช. กรณีที่ กสทช. มีมติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทระหว่างบริษัทฯ และ True ที่บริษัทฯ และ True เข้าเป็นผู้ร้องสอด ดังนี้
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 องค์กรอิสระแห่งหนึ่งกับพวก ได้ยื่นฟ้อง กสทช. และสำนักงาน กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนมติ กสทช. ซึ่งรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทระหว่างบริษัทฯ และ True และยื่นคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราว โดยขอให้ศาลสั่งทุเลาการบังคับตามมติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทดังกล่าว กับขอให้ศาลสั่งห้ามหรือระงับการกระทำและนิติกรรมที่เกี่ยวข้องกับมติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทต่อมา ศาลมีคำสั่งเรียกให้บริษัทฯ และ dtac เข้ามาเป็นผู้ร้องสอดในคดีดังกล่าว เนื่องจากบริษัทฯ และ True เป็นบุคคลภายนอกที่อาจถูกผลกระทบจากผลแห่งคำพิพากษาคดีนี้
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวทั้งฉบับ เนื่องจากไม่มีเหตุรับฟังได้ว่ามติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทของ กสทช. ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคำสั่งยกคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวเป็นที่สุด และผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายหนึ่ง ได้ยื่นฟ้อง กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนมติ กสทช. ซึ่งรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทระหว่างบริษัทฯ และ True และยื่นคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราว โดยขอให้ศาลสั่งทุเลาการบังคับตามมติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทดังกล่าว กับขอให้ศาลระงับการรวมธุรกิจชั่วคราว
ต่อมา ศาลมีคำสั่งเรียกให้บริษัทฯ และ dtac เข้ามาเป็นผู้ร้องสอดในคดีดังกล่าว เนื่องจากบริษัทฯ และ True เป็นบุคคลภายนอกที่อาจถูกผลกระทบจากผลแห่งคำพิพากษาคดีนี้ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวทั้งฉบับ เนื่องจากไม่มีเหตุรับฟังได้ว่ามติรับทราบการรวมธุรกิจด้วยวิธีการควบบริษัทของ กสทช. ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคำสั่งยกคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวเป็นที่สุด และผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันทั้งสองคดีดังกล่าวข้างต้นยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ซึ่งการที่มีคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการควบบริษัทระหว่างบริษัทฯ และ True ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดแต่อย่างใด
การปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะที่กำหนดโดย กสทช.
ภายหลังจากที่ กสทช. ได้มีมติรับทราบรายงานการรวมธุรกิจของบริษัทฯ และ True และเห็นชอบเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะสำหรับการรวมธุรกิจ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 บริษัทฯ และ True ได้ร่วมกันพิจารณาและดำเนินการตามเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะที่ กสทช. กำหนด โดยเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะที่ต้องดำเนินการก่อนการควบบริษัท มีดังต่อไปนี้
จัดทำแผนการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นรูปธรรม โดยต้องนำส่งภายใน 60 วัน หลังจากได้รับแจ้งเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ทั้งนี้ บริษัทฯ และ True ได้นาส่งแผนดังกล่าวต่อเลขาธิการ กสทช. แล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565
จัดทำแผนการให้บริการแก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน (MVNO) และแผนการแยกการบริหารจัดการ ระบบบัญชี สาหรับการให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่กับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยต้องนำส่งแผนดังกล่าวก่อนการรวมธุรกิจ ซึ่ง บริษัทฯ และ True จะนำส่งแผนดังกล่าวต่อเลขาธิการ กสทช. ก่อนการควบบริษัทแล้วเสร็จต่อไป
นอกจากนี้ สำหรับเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะอื่น ๆ ที่ กสทช. กำหนดให้ต้องดำเนินการภายหลังการควบบริษัทแล้วเสร็จ คณะกรรมการของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบบริษัทระหว่าง บริษัทฯ และ True จะพิจารณาเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะดังกล่าวและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป


