posttoday

ตลาด IPO ของ SEA ปี 2565 ระดมทุนลดลง 50% จากปี 2564

15 พฤศจิกายน 2565

การซื้อขายหุ้น IPO ชะลอตัวลงจากปี 2564 ส่งผลให้เงินระดมทุนมีมูลค่าลดลงทั่วทั้งภูมิภาค SEA ช่วง 10.5 เดือนแรกของปีนี้ แม้ว่าจำนวนหุ้น IPO และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดคาดว่าจะทรงตัวจากปี 2564

ข้อมูลจาก Deloitte (ดีลอยท์) ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แสดงให้เห็นว่า บริษัทต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) สามารถระดมทุนได้เป็นจำนวน 6.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากการเสนอขายหุ้นครั้งแรกของบริษัทให้กับสาธารณะชน (IPO) ของบริษัทจำนวน 136 บริษัท ในปีนี้ ลดลง ร้อยละ 52 จากสถิติ 13.3 พันล้านเหรียญสหรัฐจากหุ้น IPO ของบริษัทจำนวน 152 บริษัท ในปี 2564

 

แสดงให้เห็นว่ามีหุ้น IPO รายย่อยจำนวนมากขึ้นในปีนี้ ส่วนใหญ่มาจากบริษัทขนาดเล็กที่ต้องการแพลตฟอร์มเพื่อระดมทุนในสภาพแวดล้อมของตลาดที่ท้าทายในปัจจุบัน โดยในปีนี้มี PT GoTo Gojek Tokopedia Tbk และบมจ. ไทยประกันชีวิต เป็น IPO รายใหญ่เพียง 2 บริษัทเท่านั้น ซึ่งอาจหมายความว่าบริษัทขนาดใหญ่ ต่างรอเวลาและเลื่อนการเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ออกไปเพื่อรอช่วงเวลาที่สภาวะตลาดที่ดีขึ้น

 

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อยรายใหม่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น และส่งผลให้ตลาดหุ้น IPO คึกคักทั่วโลกในปี 2564 โดยสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมีจำนวนเงินทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ตลาดทุนใน SEA ก็ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมาเช่นกัน 

 

อย่างไรก็ตาม การซื้อขายหุ้น IPO ได้ชะลอตัวลงในปีนี้ แม้ว่าภูมิภาค SEA จะรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดีขึ้นเล็กน้อย โดยมูลค่าการระดมทุนลดลงร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับหุ้น IPO ในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรที่ลดลง ร้อยละ 95 และ ร้อยละ 91 ตามลำดับ

 

นางสาว เท ฮวี ลิง Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ เซาท์อีสท์ เอเชีย และสิงค์โปร์  กล่าวถึงตลาดหุ้น IPO ในภูมิภาคนี้ว่า ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การซื้อขายหุ้น IPO มีความเคลื่อนไหวตามการเติบโตของเศรษฐกิจและจีดีพี แต่สองปีที่ผ่านมาสถานการณ์กลับเป็นตรงกันข้าม 

 

เช่นเดียวกับที่โลกกำลังเอาชนะการแพร่ระบาด การเปิดกว้างทางเศรษฐกิจโลกและเปิดพรมแดนใหม่อีกครั้งได้กระตุ้นให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.7 ในปี 2564 เป็นร้อยละ 8.8 ในปี 2565 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 4 ตลอดทั้งปีเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น 

 

"เมื่อพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคเหล่านี้ ตลาดหุ้น IPO ใน SEA ยังคงเติบโตได้ดี ขณะที่เรายังคงเห็นศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค" 

 

คาดการณ์แนวโน้มภูมิภาค SEA ในช่วงเวลาที่เหลือจนถึงปี 2566 นางสาวเทให้ความเห็นว่า “ยังคงมีช่องว่างให้ตลาด SEA ยังเติบโตได้อีกมาก เมื่อภูมิภาคผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  พร้อมคาดว่าการซื้อขายหุ้น IPO จะผ่านพ้นช่วงเวลาที่มีความผันผวน เนื่องจากตลาดปรับโหมดจากสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับสู่ “สภาวะปกติ” 

 

แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีอาจได้รับการประเมินมูลค่าต่ำกว่าปกติในปัจจุบัน แต่บริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่มั่นคงและความสามารถที่พิสูจน์ได้ว่าธุรกิจสามารถสร้างผลกำไรได้ จะยังคงได้รับการประเมินมูลค่าตลาดที่ดีที่สุดและยังคงได้รับประโยชน์จากตลาดทุนได้

 

สำหรับภาพรวมตลาดไทย ยังคงยึดจ่าฝูงที่สามารถระดมทุนจาก IPO ได้สูงสุดในตลาด SEA โดยระดมทุนได้ทั้งหมด 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากหุ้น IPO ของบริษัท 28 บริษัท จำนวนเงินที่ระดมทุนได้ในปีนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับจำนวนเงินจากการระดมทุนในปี 2560 - 2562 (มากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี) 

 

จึงเป็นสัญญาณว่าสิ่งต่าง ๆ กลับสู่สภาวะเดิมก่อนเกิดโรคระบาด ส่วนในปี 2564 และ 2565 เงินจากการระดมทุนในแต่ละปี มีมูลค่ามากกว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ นักลงทุนต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่หายไปในช่วงปีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้กลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 

 

“เรายังคงเห็นการเสนอขายหุ้น IPO จากกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลายใน SET ตั้งแต่ สินค้าอุปโภคบริโภค บริการทางการเงิน และธุรกิจก่อสร้าง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ได้เห็น REIT ที่มีการลงทุนในการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวของท่าอากาศยานเป็นครั้งแรก  และมีบริษัท 39 แห่งที่คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนภายในปี 2566” นางวิลาสินี กฤษณามระ  Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าว

 

ด้านภาพรวมตลาดอินโดนีเซีย ที่รั้งอันดับสองของภูมิภาค ด้วยจำนวนเงินทุนที่ระดมทุนได้ถึง 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากการเสนอขายหุ้น IPO ถึง 54 บริษัทในปี 2565 โดย PT GoTo Gojek Tokopedia Tbk เพียงบริษัทเดียวสามารถระดมทุนหุ้น IPO ได้ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และครองตำแหน่งสูงสุดในกระดานผู้นำหุ้น IPO ของภูมิภาคในปีนี้

 

ขณะที่ PT Global Digital Niagra Tbk หรือที่รู้จักกันในชื่อ “BliBli” ตามมาเป็นอันดับสองด้วยการระดมทุนจำนวน 516 ล้านเหรียญสหรัฐ GoTo และ Blibli เข้าร่วมกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีในอินโดนีเซียที่กำลังเติบโต ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

 

นางสาว อิเมลดา ออร์บิโต Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ อินโดนีเซีย กล่าวว่า "ตลาดทุนหุ้น IPO ของอินโดนีเซียเริ่มต้นได้ดีในช่วงครึ่งแรกของปี 2565  และถึงแม้จะมีการชะลอตัวในไตรมาสที่ 3 แต่อินโดนีเซียยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด IPO ในภูมิภาค" 

 

การที่ GoTo และ BliBl ระดมเงินทุนได้สูงเช่นนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี ท่ามกลางภาวะตกต่ำของตลาดโลกมาจากความกังวลทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น เรายังคงมองในแง่ดีว่าหุ้น IPO จากบริษัทด้านเทคโนโลยีจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยคาดว่าจะมีบริษัทเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า เช่นเดียวกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐาน (Consumer non-cyclicals industry)

 

สำหรับภาพรวมตลาด IPO ของมาเลเซีย ผ่านพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีจำนวนเงินที่ระดมทุนได้เพิ่มขึ้น 102% อยู่ที่ 681 ล้านเหรียญสหรัฐ การระดุมทุนที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดี 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จำนวนของบริษัทจดทะเบียน ACE เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จากเดิม 11 บริษัทในปี 2564 เพิ่มเป็น 22 บริษัทในปี 2565 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี เมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจผลักดันให้บริษัทพื้นฐานที่ดีเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ต้องการใช้ประโยชน์จากตลาดตราสารทุนเพื่อให้มีฐานเงินทุนที่มีความหลากหลายและถูกกว่า

 

“แม้ตลาด IPO จะได้รับผลกระทบจากการเลือกตั้ง แต่ก็ยังมีบริษัทต่าง ๆ ที่มองหาตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2565 ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าตลาดทุนมาเลเซียมีการปรับตัวและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว” นายหว่อง การ์ ชุน Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ มาเลเซีย กล่าว

 

ในส่วนภาพรวมตลาดประเทศสิงคโปร์นั้น มีการเสนอขาย IPO จำนวน 9 บริษัท โดยสามารถระดมทุนได้ 421 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 10.5 เดือนแรกของปีนี้ ในจำนวนนี้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ (Special Purpose Acquisition Companies – “SPAC”) 3 บริษัท ซึ่งระดมทุนได้ 389 ล้านเหรียญสหรัฐ และหุ้น IPO ในกระดาน Catalist  6 บริษัท โดยระดมทุนได้เป็นจำนวน 32 ล้านเหรียญ 

 

นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการระดมทุนแบบ SPAC ที่เปิดตัวในสิงคโปร์เมื่อเดือนกันยายน 2565 ซึ่ง SPAC มีกำหนดระยะเวลาให้บริษัทระดมทุนได้ภายใน 24 เดือน โดยสามารถขยายระยะเวลาต่อได้อีก 12 เดือน จึงคาดการณ์ว่า บริษัทที่ผ่านการระดมทุนแบบ SPAC แล้ว (de-SPACs) จะสนับสนุนให้บริษัทอื่น ๆ เข้ามาระดมุทนแบบ SPAC เพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2553 มี REIT หรือ Business Trust อย่างน้อยหนึ่งรายการในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) ทว่าไม่มี REIT ในช่วง 10.5 เดือนแรกของปีนี้ ถ้ามองในแง่ดี มีการเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินทุนและการย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการขยายโอกาสเพิ่มมากขึ้นในตลาดหุ้น IPO ของสิงคโปร์ หากสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ อีกสองถึงห้าปีข้างหน้าอาจเป็นปีทองสำหรับตลาดหุ้น IPO ของสิงคโปร์ 


นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น เสถียรภาพทางการเมืองของสิงคโปร์ การจัดการกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประสบผลสำเร็จ และการเปิดประเทศอย่างราบรื่นจะช่วยให้สิงคโปร์ยังคงดึงดูดความสนใจให้ธุรกิจต่าง ๆ เข้ามาจัดตั้งสำนักงาน” นายดาร์เรน อึ้ง Disruptive Events Advisory Deputy Leader Deloitte Singapore กล่าว