posttoday

ทองคำบนทางสองแพร่ง! การเมืองโลกสั่นสะเทือน ลุ้นเฟดหั่นดอกเบี้ย-นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย

28 ตุลาคม 2568

ราคาทองคำอาจผันผวนแรง หลังความตึงเครียดการค้าสหรัฐ–จีนเริ่มคลี่คลาย แต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน บวกความร้อนแรงฉนวนกาซายังไม่จางหาย เฟดเตรียมประชุมหั่นดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนเริ่มลดถือทองคำ ท่ามกลางเกมเศรษฐกิจโลกที่ไม่มีคำว่าปลอดภัย

KEY

POINTS

  • ราคาทองคำอาจผันผวนแรง หลังความตึงเครียดการค้าสหรัฐ–จีนเริ่มคลี่คลาย
  • แต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน บวกความร้อนแรงฉนวนกาซายังไม่จางหาย เฟดเตรียมประชุมหั่นดอกเบี้ย
  • นักลงทุนเริ่มลดถือทองคำ ท่ามกลางเกมเศรษฐกิจโลกที่ไม่มีคำว่าปลอดภัย

นักลงทุนทั่วโลกต่างจับจ้อง "ประกายทองคำ" ที่กำลังไหวระริกกลางพายุเศรษฐกิจและการเมืองระลอกใหม่

เมื่อสหรัฐฯ และจีนกลับมานั่งโต๊ะเจรจาการค้าอีกครั้ง ความหวังแห่งสันติเริ่มส่องแสง แต่ในอีกฟากของโลก เสียงระเบิดในยูเครนและฉนวนกาซายังคงดังก้อง ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ "ทำลายล้างฮามาส" หากหยุดยิงล้มเหลว

ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ ทองคำจึงไม่ใช่แค่สินทรัพย์ปลอดภัย...แต่มันคือ กระจกสะท้อนความไม่แน่นอนของโลก ที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่ทุกวินาที

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก เตือนว่า สัปดาห์นี้ทองคำอาจต้อง "เดินบนเส้นบางๆระหว่างความกลัวและความโลภ" เพราะแม้เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย ซึ่งมักเป็นแรงหนุนต่อทองคำ แต่แรงขาย Sell on Fact ก็อาจฉุดให้ราคาทองคำร่วงได้ทุกเมื่อ

สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน สร้างความกังวลหลังมีรายงานว่ากระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า รองนายกรัฐมนตรีของจีนจะเข้าร่วมการเจรจาการค้ารอบใหม่กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 24 - 27 ต.ค. ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้โฆษกทำเนียบขาวเผยเพิ่มเติมว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและอินเดียมีแนวโน้มใกล้บรรลุผล ซึ่งอาจลดภาษีสินค้าส่งออกจากอินเดียลงจาก 50% เหลือเพียง 15–16%

ขณะที่ ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า สถานการณ์ชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอาจสิ้นสุดลงภายในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ รวมถึงความไม่แน่นอนจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ โดยสถานการณ์ในฉนวนกาซากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 46 ราย

แม้ทั้งสองฝ่ายจะอยู่ในระหว่างข้อตกลงหยุดยิงก็ตาม ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ขู่ว่าจะทำลายล้างกลุ่มฮามาส หากมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

แผนการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ได้ถูกยกเลิกแล้ว

โดยผู้นำสหรัฐให้เหตุผลว่า ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาทางการทูต และช่วงเวลายังไม่เอื้อต่อการประชุมดังกล่าว ส่งผลให้รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีใส่ยูเครนระลอกใหม่ด้วยโดรนและขีปนาวุธในวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้พลเรือนในกรุงเคียฟเสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

"เหตุการณ์ล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าความพยายามในการสร้างสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงคว้าน้ำเหลว"

ฝ่ายวิจัยแนะนำให้นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด แม้ตลาดจะตอบรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่อาจเกิดแรงขายในลักษณะ “Sell on Fact” ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีกครั้ง โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของ ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ จะอยู่ที่ระดับ 3,850 – 4,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแนะนำให้พิจารณาขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้น.

ข่าวล่าสุด

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง ซีเกมส์ 2025 รอบรองฯ ไทยดวลอินโดฯ