ธปท.ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงคลัง แจงเงินเฟ้อหลุดกรอบ ยังไม่เสี่ยงเงินฝืด
“เศรษฐพุฒิ” ทำหน้าที่ก่อนก่อนหมดวาระ ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงคลัง แจงเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย 1-3% ยังไม่เสี่ยงเงินฝืด คาดกลับเข้ากรอบเป้าหมายในไตรมาส 1/70
KEY
POINTS
- ธปท. โดย กนง. ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.คลัง ชี้แจงสาเหตุที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือน ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1-3%
- สาเหตุหลักของเงินเฟ้อที่ต่ำมาจากปัจจัยด้านอุปทาน โดยเฉพาะราคาพลังงานและอาหารสดที่ลดลง รวมถึงมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ โดย กนง. ประเมินว่าสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่สะท้อนถึงภาวะเงินฝืด
- กนง. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นและกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2570 และจะติดตามพัฒนาการของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีข้อตกลงระหว่างกัน หากในอีก 6 เดือนข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 12 เดือนย้อนหลังหรือคาดการณ์ล่วงหน้า ยังคงอยู่นอกกรอบเป้าหมาย กนง. จะจัดทำ “จดหมายเปิดผนึก” ชี้แจงต่อรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อยืนยันความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนในการดูแลเสถียรภาพราคา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. และประธาน กนง. ได้ทำจดหมายเปิดผนึก ถึง รมว.คลัง เพื่อชี้แจงกรณีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือน อยู่ในระดับต่ำกว่าของล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินที่ 1-3%
โดยมีเนื้อหาระบุว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2568 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.ค.2568 ที่เผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์ติดลบ 0.7% ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 0.5% ประกอบกับรายงานนโยบายการเงินไตรมาส 2/2568 กนง.ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ส.ค.2568-ก.ค.2569) จะอยู่ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินในปัจจุบัน
ดังนั้น กนง.จึงขอชี้แจงใน 3 ประเด็น ดังนี้
1.เงินเฟ้อที่ต่ำ และนัยต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านราคา โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายจากปัจจัยด้านอุปทาน และไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา ต่ำกรอบเป้าหมายจากปัจจัยด้านอุปทานในหมวดพลังงานและอาหารสดเป็นสำคัญ เนื่องจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐฏิจโลก ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชชีพผ่านการลดค่าไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาหมวดพลังงานหดตัว
ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ทรงตัวอยู่ที่เฉลี่ย 0.9% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลจากการที่ผู้ประกอบการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาขายไม่มาก เนื่องจากราคาพลังงานที่เป็นต้นทุนหลักในการผลิตปรับลดลง นอกจากนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่เร่งขึ้น ส่วนหนึ่งสะท้อนเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวช้าจากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตที่เผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ และปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขัน
ขณะเที่เงินเฟ้อที่ต่ำไม่สะท้อนถึงภาวะเงินฝืด และช่วยบรรเทาค่าครองชีพประชาชน โดย กนง.ให้ความสำคัญกับการติดตามพัฒนาการของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เงินเฟ้อที่ต่ำกลายเป็นภาวะเงินฝืดหรือเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่องยาวนานจนสร้างความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคจะชะลอการบริโภคสินค้าและบริการ เนื่องจากคาดว่าราคาจะลดลงอีกเป็นวงกว้าง โดยปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืด
2.บทบาทของนโยบายการเงินในการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน โดยการดำเนินโยบายการเงินต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้านต่างๆ ต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน ภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น กนง.มุ่งดูแลเสถียรภาพด้านราคา ควบคู่กับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพและเสถียรภาพระบบการเงิน
โดยเสถียรภาพด้านราคา หมายถึง การดูแลอัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางให้อยู่ในระดับต่ำและไม่ผันผวน ผ่านการมีเป้าหมายเงินเฟ้อแบบช่วงที่ 1-3% ที่ทำหน้าที่เป็นหลักยึดให้กับการคาดการณ์เงินเฟ้อของประชาชนและธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม กนง.ได้ชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านต่างต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 3 ครั้ง ในปีนี้ รวม 0.75% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงมาอยู่ที่ 1.50% จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวชะลอลงและมีความเสี่ยงด้านต่ำมากขึ้นเป็นสำคัญ โดยเฉพาะผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากนโยบายการค้าโลก และภาวะการเงินที่ตึงตัวตามสินเชื่อที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกรอบเป้าหมายไม่ได้สร้างความเสี่ยง ต่อเสถียรภาพด้านราคา
ทั้งนี้ เทียบกับแนวโน้มเศรษฐกิจ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมาไม่ได้ช้าหรือน้อยเกินไป โดย กนง.ได้ประเมินภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวชะลอลงไว้แล้วในการกำหนดนโยบาย และตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวมที่ออกมายังคงเป็นไปตามที่ กนง.ประเมินไว้ ซึ่งในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง กนง.จะดำเนินนโญบายการเงินที่อิงกับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยหากการเติบโตทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้ กนง.พร้อมจะปรับเปลี่ยนนโยบายให้เหมาะสม
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยมีผลจำกัดในการดูแลเงินเฟ้อที่มาจากปัจจัยด้านอุปทาน โดยการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่าในปัจจุบันไม่ช่วยให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทาน ซึ่งนโยบายการเงินไมาสามารถควบคุมได้โดยตรง
อย่างไรก็ตาม ในบริบทที่เศรษฐกิจเผชิญความท้าทาย การใช้นโยบายดอกเบี้ยควบคู่กับการใช้เครื่องมือเชิงนโยบายอื่น มาช่วยตอบโจทย์อย่างตรงจุด จะช่วยให้การดำเนินนโยบายการเงินมีประสิทธิผลและลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
โดย กนง.เห็นว่า ปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทย คือ ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและทำให้การเติบโตชะลอลงจากอดีต ประกอบกับภาวะการเงินที่ตึงตัวจากความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ที่ปรับสูงขึ้น การลดดอกเบี้ยนโยบายจึงมีส่วนช่วยบรรเทาภาระและสนับสนุนให้ภาคธุรกิจปรับตัวได้บ้าง ซึ่งควรดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างหรือปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของ SME
3.แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า และระยะเวลาที่คาดกว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย โดยในระยะข้างหน้า กนง.ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ภายใต้ข้อสมมติฐานที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำอีกระยะ ตามการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันดิบโลก
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น และจะทยอยเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในไตรมาส 1/2570 ตามราคาน้ำมันดิบที่ไม่ได้ลดลงต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากอุปสงค์และอุปทานในตลาดน้ำมันที่จะสมดุลขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียง 1% ตลอดช่วงปี 2568-2570
กนง.จะติดตามพัฒนาการของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลให้อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป จนกระทบต่อเศรษฐกิจและสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมในการแข่งขันและลงทุน
โดยความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ การชะลอลงของเงินเฟ้อจากราคาสินค้าและบริการที่ปรับลดลงเป็นวงกว้าง จนทำให้อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางไม่อยู่ในกรอบเป้าหมาย แนวโน้มของราคาพลังงานโลกที่อาจเปลี่ยนแปลงตามความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก และการปรับห่วงโซ่การผลิตและผลกระทบของการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นตามภูมิทัศน์การค้าโลกใหม่ต่อราคาสินค้า


