‘เศรษฐพุฒิ’เตือน ‘กาสิโน’ทำประเทศ ‘เทา’ หนุนทบทวน ดิจิทัลวอลเล็ต
“เศรษฐพุฒิ”เตือน “กาสิโน”ทำภาพประเทศ “เทา”ขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยง มองการทำตัวให้ถูกต้องขาวสะอาด บนการรักษากฎระเบียบเป็นเรื่องสำคัญ หนุนผลักดัน Wellness
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน “Meet the Press” ในส่วนการผลักดัน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ว่า โจทย์ของประเทศไทยขณะนี้ ไม่ใช่เพียงการดึงแต่จำนวนคนเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มหรือ Value Added เช่นการดูแลผู้สูงวัย และไม่ได้มีตลาดเฉพาะแค่ไทย ซึ่งไทยมีโครงสร้างพื้นฐานรับนักท่องเที่ยว โดยสามารถปรับตัวในการยกระดับได้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่กังวล ภายใต้ในโลกมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งในบริบทนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องทำตัว “ถูกต้อง” และ “ขาวสะอาด” และการที่มูดี้ส์มีการปรับมุมมองประเทศไทย ในเรื่องความถูกต้องและทำตามกติกานั้น มองว่าในเรื่อง “กาสิโน” มีความเสี่ยง และทำให้ภาพของประเทศ “เทา”ขึ้น ซึ่งถือเป็นความเสี่ยง
ดังนั้นหากเลือกระหว่าง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอนเพล็กซ์ และ Wellness นั้นมองว่า Wellness สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและมีผลต่อเศรษฐกิจสูง และความเสี่ยงน้อย
เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็ก มีหลายมิติ ตอนนี้โจทย์ ไม่ใช่แค่การดึงคนจำนวนมากขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวก็มีทางเลือก แต่จะทำอย่างไรให้เกิดมูลค่า โดยปัจจุบัน โลกที่มีความไม่ชัดเจน ความไม่แน่นอนสูง ยิ่งสำคัญที่จะทำตัวให้เป็นตัวที่ถูกต้อง ขาวสะอาด ตามกฎตามเกณฑ์ตามระเบียบ เป็นเรื่องสำคัญมาก และเรื่องกาสิโนทำให้ภาพของความเทามีมากขึ้นจึงทำให้เป็นความเสี่ยง”
อย่างไรก็ตาม ถามว่า ในขณะนี้ การผลักดันเรื่อง “การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต10,000” ของรัฐบาลยังมีความเหมาะสมหรือไม่นั้น
ผู้ว่าธปท.มองว่า ต้องขอบคุณภาครัฐที่มีการทบทวนความเหมาะสมเรื่องนี้ เพราะในยามนี้บนสถานการณ์ที่เปลี่ยน บวกกับสินค้าต่างประเทศทะลักเข้าไทยการทำนโยบายต่างๆ ต่างๆต้องเน้นความคุ้มค่าและมีประสิทธิผลที่ดี ภายใต้ขีดความสามารถด้านการเงินและการคลังมีอย่างจำกัดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีผลกระทบจาก “สงครามการค้า”มองว่าผลกระทบในด้านการขึ้นภาษีของสหรัฐขณะนี้ ยังไม่เห็นผล เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการเจรจา แต่ผลกระทบที่เห็นแล้วคือผลของการชะลอการลงทุน จากการรอความชัดเจนด้านภาษีนำเข้า
ดังนั้นมองว่า พายุที่เข้ามา คงไม่เห็นเร็ว เพราะต้องมีการเจรจา และคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบจากสงครามการค้าครั้งนี้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้และ ไตรมาส 4 ที่จะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนมากขึ้น แต่สิ่งที่อยากสื่อคือ ผลกระทบนี้ “ใช้เวลานาน ไม่จบเร็ว” และไม่จบใน 90 วัน การเจรจาก็คงไม่ง่าย
“ช็อคที่เราเจอเหมือนพายุที่กำลังจะมา เรือจะแล่นในสปีดเดิมไม่ได้ โจทย์ของนโยบายตอนนี้ผมว่า ไม่ใช่เรื่องของการกระตุ้น เพื่อให้เรือวิ่งด้วยสปีดแบบเดิม เพราะเจอช็อคแบบนี้ยังไงการเติบโตต้องชะลอลง เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น ดังนั้นโจทย์ขณะนี้คือการรับมือ ทำให้ช็อคเบาลง ผลกระทบไม่ลึกมาก และมาตรการที่ออกมาต้องเอ้อให้เกิดการปรับตัวเร็วขึ้น มาตรการที่ออกมาไม่ควรปูพรหม เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นค่อนข้างแตกต่างกัน”
อย่างไรก็ตาม มองว่าสุดท้าย เมื่อพายุผ่านพ้นไป สิ่งสำคัญของประเทศไทย คือ “ต้องปรับตัว” เพื่อการเติบโตใหม่หลังพายุ เพราะหากประเทศไทยไม่ปรับตัวมองว่า ศักยภาพประเทศน่าจะยิ่งลดลงกว่าปัจจุบันที่มองว่าวันนี้อยู่เพียง 2%ปลายๆเท่านั้น