posttoday

ทองคำย่อรับเฟดอาจขึ้นดบ. เน้นเก็งกำไรรอบสั้น-ถือยาวรอปรับฐานเข้าสะสม

29 พฤษภาคม 2566

YLG ชี้ทองคำย่อรับข่าวเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย เดือน ก.ค. หนุนดอลลาร์แข็งค่ากดดันทองอ่อน ช่วงสั้นเก็งกำไรได้ ส่วนนักลงทุนถือกลาง-ยาว รอปรับฐานแถว 1,933 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์เข้าสะสม คาดครึ่งปีหลังทำจุดสูงสุดใหม่

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าภาพใหญ่ยังดูดียังไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,933 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

แต่ในระยะสั้นมองว่ายังมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อีก เนื่องจากมีปัจจัยลบสำคัญ จากการประเมินรายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ประจำวันที่ 2-3 พ.ค.66

และ ถ้อยแถลงของผู้ว่าการเฟดแลประธานเฟดสาขา มีหลายเสียงเริ่มเห็นว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก โดยเฉพาะรอบประชุมเดือน ก.ค.66 เพราะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง กดดันทองคำให้ปรับตัวลดลง

แม้ราคาทองคำในช่วงนี้จะปรับตัวลดลงมาพอสมควรเมื่อเทียบจากจุดสูงสุดของปีนี้ที่ไปแตะระดับ 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ อย่างไรก็ดีมองว่าสถานการณ์นี้สามารถเข้าซื้อเพื่อทำกำไรระยะสั้นได้

แต่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวมองว่ายังไม่ใช่จังหวะที่ดีในการเข้าเก็บ แนะนำรอจังหวะปรับฐานและรอซื้อที่แนวรับ1,933 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หากทองคำสามารถยืนได้ที่แนวรับ 1,933 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ มีโอกาสที่จะกลับขึ้นไปหาแนวต้าน 1,984-2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

ส่วนราคาทองคำในประเทศนั้นช่วงนี้ไม่ได้ปรับลดลงมาก เนื่องจากค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า โดยมองกรอบราคาทองคำในประเทศที่แนวรับ  31,800  บาทต่อบาททองคำ  แนวต้าน 32,600-32,950 บาทต่อบาททองคำ โดยนับจากต้นปีถึงปัจจุบันราคาทองคำในประเทศถือว่าปรับตัวขึ้น 2,450 บาท  หรือเพิ่มขึ้น 8.24% (คำนวณจากราคาปัจจุบันที่ 32,200 บาท)

ทั้งนี้วายแอลประเมินว่าระยะยาวช่วงครึ่งปีหลังราคาทองคำจะยังกลับเป็นเคลื่อนไหวในแดนบวก เพราะปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังไม่ได้ดีขึ้น โดยในส่วนของสหรัฐนั้นการแก้ปัญหาเพดานหนี้เป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้นเท่านั้น แต่ปัจจัยพื้นฐานยังน่าเป็นห่วง จึงยังมองว่าทองคำจะมีโอกาสไปทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งภายในปีนี้