posttoday

คปภ. ยันดื้อแพ่งส่งเรื่องเข้าควบคุมฟินันซ่าให้

09 เมษายน 2553

คปภ. ยันดื้อแพ่งส่งเรื่องเข้าควบคุมฟินันซ่าให้ " กรณ์ " ลงนาม พร้อมชี้ยังไม่ได้ข้อสรุปผู้ร่วมทุนทั้ง ยุโรป และอิสลามแบงก์ 

คปภ. ยันดื้อแพ่งส่งเรื่องเข้าควบคุมฟินันซ่าให้ " กรณ์ " ลงนาม พร้อมชี้ยังไม่ได้ข้อสรุปผู้ร่วมทุนทั้ง ยุโรป และอิสลามแบงก์ 

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี  กรรมการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เปิดเผยว่า  คปภ.ได้ยื่นข้อเสนอให้ รมว. กระทรวงการคลัง พิจารณาเซนต์อนุมัติให้คปภ.เข้าไปควบคุมกิจการของ บริษัท ฟินันซ่า เนื่องจากมีกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา

เนื่องจากเห็นว่าก่อนหน้านี้ที่รมว.คลังยังไม่เข้าใจว่า เรื่องวิธีการกำกับดูแลธุรกิจประกันของ คปภ.จึงชี้แจงถึงข้อดีข้อเสียของการเข้าไปควบคุมว่าการเข้าไปควบคุมกิจการไม่ใช่การยกเลิก หรือ ปิดกิจการ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่าปิดกิจการ จริงๆ แล้วไม่ใช่การปิดกิจการกับควบคุมกิจการมันคนละเรื่อง ทั้งนี้หากรมว.คลังยังไม่ลงนามในข้อเสนอดังกล่าว คาดว่าทาง คปภ. ก็ยังจะยื่นข้อเสนอเช่นเดิมกลับไปให้ลงนามอีก

“ภาวะแบบนี้ต้องเข้าไปควบคุมกำกับฝ่ายบริหาร ควบคุมค่าใช้จ่าย ดูแลไม่ให้เงินกองทุนที่มีอยู่ไปที่ไม่ควรจะไป จะต้องไปสู่เจ้าของกรมธรรม์เท่านั้น และเราต้องเป็นคนกลางในการประสานงานกรณีที่มีคนในใจเข้ามาซื้อกิจการ  ส่วนการบริหารจัดการยังเป็นผู้บริหารชุดเดิมอยู่ ส่วนในอนาคตผู้บริหารจะถูกลงโทษหรือไม่ต้องพิจารณาว่าเอาเงินไปใช้ส่วนตัวหรือเปล่า ซึ่งคปภ.กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ ขณะนี้ยังไม่ได้กล่าวหาผู้บริหาร”

ทั้งนี้การที่เงินกองทุนของฟินันซ่าประกันชีวิตลดลง นั้นเพราะไปลงทุนในทรัพย์สินด้อยค่า เช่นอาจจะไปลงทุนในหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่เนื่องจากราคาได้ปรับลดลง ทำให้เงินกองทุนลดลงไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องไปตรวจสอบก่อนว่ามีเจตนาหรือไม่ อย่างไร ณ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ คือเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่คปภ.กำหนด ซึ่งตามหลักการลงทุนแล้วบริษัทประกันจะต้องไปลงทุนตามกรอบที่คปภ.กำหนด เท่านั้น

สำหรับกรณีที่มีนักลงทุนยุโรปสนใจเข้ามาซื้อหุ้นนั้น ขณะนี้เชื่อว่ายังเป็นแต่ข่าวซึ่งยังไม่มีผลที่เป็นรูปธรรม  ซึ่งเพดานการถือหุ้นของต่างชาติตามที่กฎหมายกำหนดอยู่ที่ระดับ 49% ขณะที่กรณีของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สนใจเข้าไปร่วมทุนด้วยนั้น ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และจะเอาเงินจากไหนมาเพิ่มทุน

“คปภ.ไม่มีอำนาจในการเข้าไปลดทุน สั่งให้เขาล้างขาดทุน หากบริษัทเขาปรับโครงสร้างอย่างไรเขาจะต้องมาบอกคปภ. เช่นลดทุน คปภ.มีหน้าที่ในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของเขาว่าพอหรือไม่พอ”

นายณรงค์ชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของภาคธุรกิจประกันของไทย ขณะนี้ถือว่ายังด้อยพัฒนา ซึ่งภารกิจหลักของคปภ.คือต้องพัฒนาให้ประกันเป็นมาตรฐานสากล หลักใหญ่ คือ ต้องมีการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง หรือ RBC (Risk Based Capital) เป็นมาตรฐาน ขั้นต่ำปี 2553 ขอให้ได้ 120%ของกฎหมายกำหนดก็พอใจแล้วแต่ระยะยาวต้องไม่ต่ำกว่า 150% นอกจากนี้แล้วต้องมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่เป็นมาตรฐานสากล มีการให้บริการที่ดี รูปลักษณ์ของกรมธรรม์ต้องดูแล้วเข้าใจง่าย การเคลมสินไหมต้องโปร่งใส จำนวนผู้เอาประกันภัยและประกันชีวิตต้องมีจำนวนที่สูง

อย่างไรก็ตามเห็นว่า มาตรฐานประกันของไทยยังถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานสากล เพราะหากเทียบกับมาเลเซียแล้วยังแพ้อยู่มาก ปัญหาของประกันไทยคือ มีความแตกต่างเรื่องของกิจการมาก บริษัทที่มีขนาดใหญ่ ถือว่าเป็นมาตรฐานสากล โดยเฉพาะบริษัทที่มีต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้น ส่วนบริษัทขนาดเล็กจะมีจุดเสี่ยงในเรื่องการดำรงตามเกณฑ์ใหม่ๆ ที่คปภ.จะนำออกมาใช้ เพราะฉะนั้นหากคปภ.นำกฎเกณฑ์ใหม่ๆ มาใช้จะเกิดการควบรวมกิจการกันมากขึ้น ซึ่งได้ส่งสัญญาณไปยังกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลังให้เชื่อมต่อเรื่องการควบรวมกิจการ ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงต้องช่วยกัน โดยเฉพาะภาษีเรื่องการควบรวม

นายณรงค์ชัย  กล่าวว่า แผนพัฒาประกันฉบับที่2ที่เริ่มตั้งแต่ปี2553-2557 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของภาคประกันเยอะมาก อาจจะเห็นการควบรวมกิจการกันมากขึ้น มีstoryอีกเยอะมาก ต่อไปจะเห็นประกันสุขภาพมีการเติบโตที่มากขึ้น ในขณะที่ Micro Insurance หรือประกันระดับรากหญ้า จะได้รับความสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ก็จะมี Unit Linked  หรือ กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน  และ Universal Life  หรือ กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุนที่การรับประกันผลตอบแทน ที่จะได้รับความสนใจเพิ่ม

“ภายใน 5 ปีนับจากนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในภาคประกันเยอะมาก ซึ่งจะทำให้มูลค่าประกันชีวิตและประกันภัยคิดเป็น6%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพีในปี 2557 ในขณะที่ปี 2552 มูลค่าประกันชีวิตและประกันภัยคิดเป็น 4.2%ของจีดีพี ในขณะที่ sector finance ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว แต่ sector ประกันจากนี้ไปจะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แม้ว่าขณะนี้จะมีการแข่งขันกันมากเกินไป ไม่เป็นระเบียบ เช่นแย่งหาลูกค้า ลดค่าคอมมิชชั่นแม้ว่ากฎหมายห้ามลดแต่เขาก็แอบลดกัน ซึ่งการแข่งขันในขณะนี้ถือว่าเวอร์ไป” 

ข่าวล่าสุด

สธ. ปั้นนโยบายขึ้นทะเบียนยา ATMPs ‘เร็วที่สุดในอาเซียน’ ดัน 'Medical Economy'