posttoday

ท่องเที่ยวไทยร่วงถูกลดอันดับอยู่ที่ 41

21 เมษายน 2554

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เร่งรัฐฯแก้ไขปัญหากฎระเบียบ ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม หลังไทยถูกลดอันดับการแข่งขันทางด้านการท่องเที่ยวจาก 39 ไปอยู่ที่ 41 แพ้มาเลเซีย ไต้หวัน จีน 

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เร่งรัฐฯแก้ไขปัญหากฎระเบียบ ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม หลังไทยถูกลดอันดับการแข่งขันทางด้านการท่องเที่ยวจาก 39 ไปอยู่ที่ 41 แพ้มาเลเซีย ไต้หวัน จีน 

นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า จากการประชุม เวทีเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) ที่ผ่านมาได้รายงาน ดัชนีชี้วัดการแข่งขันทางด้านการเดินทางและท่องเที่ยว หรือ The Travel & Tourism Competitiveness Index ที่จัดเป็นประจำทุกปียกเว้นปี 2553 ผลปรากฏว่า ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที 41 จาก 139 ประเทศทั่วโลก ซึ่งลดลงจากอันดับที่ 39 จาก 133 ประเทศในปี 2552 และอยู่ในอันดับที่ 10 ในกลุ่มประเทศทวีปเอเชียและแปซิฟิค ตามหลังประเทศมาเลเซีย ไต้หวัน และจีน โดยเป็นอันดับที่ลดลงจากปี 2552 ที่อยู่ในอันดับที่ 8 รองจากประเทศมาเลเซียที่อยู่ในอันดับที่ 7 ติดต่อ 2 ปีซ้อน

“ดัชนีชี้วัดดังกล่าวจะพิจารณานาจาก 3 หัวข้อ ได้แก่ กรอบการทำงานด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โครงสร้างพื้นฐาน เช่น เส้นทางการเดินทาง และสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ ทรัพยากรธรราชาติ วัฒนธรรม และทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งศึกษาปัญหาและแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนที่ไทยจะถูกลดอันดับลงไปเรื่อยๆ และในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย” นางปิยะมาน กล่าว

ทั้งนี้ หัวข้อที่ประเทศไทยมีจุดอ่อนมากที่สุด หรืออยู่ในอันดับที่ 77 คือ กรอบการทำงานด้านกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กสูง ปล่อยให้พืชและสัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ ความปลอดภัยและมั่นคงในประเด็นต้นทุนธุรกิจด้านผู้ก่อการร้าย ความไม่เพียงพอของปัจจัยทางการรักษาพยาบาล รวมถึง กฎ
ระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เช่น การปฏิบัติตามข้อตลกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าบริการ เป็นความตกลงระหว่างประเทศ (GATs) สิทธิบัตร การขอวีซ่า เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีข้อด้อยในเรื่องของการจัดทำข้อมูลด้านการท่องเที่ยวอย่างบูรณการ การใช้จ่ายงบประมาณด้านการท่องเที่ยวที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ส่วนประเด็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งอยู่ในอันดับปานกลาง แต่มีปัจจัยที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข คือ ความหนาแน่นของสนามบิน

โครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายโทรศัพท์ การเข้าถึงอินเตอร์เน็ต และการให้บริการอินเตอร์เตบอร์ดแบนด์ที่ยังคงมีจำนวนจำกัดและไม่กระจายไปสู่ชุมชน หมูบ้าน อย่างทั่วถึง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีราคาโรงแรมของประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 8 แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเรื่องรายได้มากกว่าจำนวน

ประเด็นสุดท้าย ในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และทรัพยากรมนุษย์ เป็นหัวข้อที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้อยู่ที่ 21 โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงและต้องให้สำคัญเร่งแก้ไข คือ ประเทศไทยถูกมองว่ามีปัญหาเรื่องการศึกษาในระดับประถมและมัธยมที่มีสัดส่วนไม่สูงพอ ปัญหาเรื่องโรคเอดส์ ปริมาณสนามกีฬาที่ไม่เพียงพอ และคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่ถูกมองว่าแย่ลง รวมไปถึงจำนวนแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก

นางปิยะมาน กล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ คือ รัฐบาลและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว จะต้องวางกรอบและโครงสร้างการทำงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านการค้าหลังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งแม้จะเหลือเวลาอีก 4 ปี แต่ก็ต้องเริ่มต้นดำเนินการก่อนที่จะสายเกินไป ไม่ใช่นั้นประเทศไทย คนไทย ผู้ประกอบการไทยจะเสียเปรียบทางการค้า

ข่าวล่าสุด

DITP พา 30 บริษัทไทยบุกจีนตะวันตก ปิดดีลอาหาร–สัตว์เลี้ยง 102 ล้าน