posttoday

ร้องรัฐขยับราคาน้ำปลาหลังต้นทุนเพิ่ม

21 เมษายน 2554

น้ำปลาตราปลาหมึก ระบุต้นทุนผลิตพุ่งพรวด กว่า100% แล้ว  เตรียมร้องรัฐขอขยับราคาเพิ่ม 

น้ำปลาตราปลาหมึก ระบุต้นทุนผลิตพุ่งพรวด กว่า100% แล้ว  เตรียมร้องรัฐขอขยับราคาเพิ่ม 

นางธิติญา นิธิปิติกาญจน์  ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โรงงานน้ำปลาไทย(ตราปลาหมึก)  เปิดเผยว่าปัจจุบันบริษัทฯต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 100% จากราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้น ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการขนส่ง โดยเฉพาะการเดินเรือออกไปจับปลากะตักในทะเล อีกทั้งได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนที่ทำให้ปลาในทะเลนั้นหายากขึ้น   ทำให้บริษัทฯจะต้องยื่นขอปรับราคาขายกับกระทรวงพาณิชย์ขึ้นอีก 1 บาท จากเดิมอยู่ที่  29 บาท มาเป็น 30 บาท กับขวดขนาด 700 ซีซี  หลังจากที่ได้ขอปรับราคาไปเมื่อปีก่อน   

ร้องรัฐขยับราคาน้ำปลาหลังต้นทุนเพิ่ม ธิติญา

“ต้นทุนการผลิตน้ำปลานั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การปรับราคานั้นทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องขอความร่วมมือในการควบคุมราคาจากกระทรวงพาณิชย์  ปัจจุบันราคาขายหน้าฉลากจะติดไว้ที่ 29 บาท  แต่ราคาขายจริง จะอยู่ที่  27 บาท    ซึ่งหากพิจารณาราคาน้ำปลาในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้นเคยแพงกว่าน้ำมัน แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันพืชสูงถึง 50 บาทต่อลิตรแล้ว”

นางธิติญา กล่าวย้ำว่า ธุรกิจน้ำปลาถือเป็นธุรกิจที่อนาคตไม่สดใส เนื่องจากจะโดนแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากธุรกิจประเภทผงปรุงรสอาหาร ทำให้ไม่ต้องใช้น้ำปลาในการปรุงรส  ส่งผลให้ธุรกิจนี้ไม่เติบโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะตลาดน้ำปลาระดับบน    

ปัจจุบันมูลค่าตลาดน้ำปลาอยู่ที่ 1 หมื่น-1.5 หมื่นล้านบาท  แบ่งเป็นตลาดระดับบน 40% ที่มีราคาขายเกิน 20 บาทต่อขวด   ซึ่งน้ำปลาตราทิพย์รส มีส่วนแบ่งตลาด 50% ตราปลาหมึก 25%  ตราคนแบกกุ้ง 5% ตราหอยนางรม 5% ตราตราชั่ง 2-3%     ขณะที่ตลาดล่าง ราคาขายจะต่ำกว่า 20 บาท  มีส่วนแบ่ง  60% แต่ยังเติบโตปีละ 10% เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีทำให้คนซื้อน้ำปลาราคาถูก

อย่างไรก็ตามบริษัทได้ออกตัวสินค้าใหม่น้ำปลาตราปลาหมึกฉลากสีเหลือง โดยเริ่มทำตลาดมานาน 2 เดือน จับกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด ซึ่งสินค้าดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี ขณะเดียวกันบริษัทได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) โดยอยู่ระหว่างการเตรียมเปิดตัวน้ำปลาผงเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค   ซึ่งน้ำปลาดังกล่าวจะไม่มีกลิ่นคาว แต่เมื่อน้ำไปใช้จะมีคุณสมบัติที่ดีเทียบเท่าน้ำปลาขวด คาดว่าจะเปิดขายปลายปี ในเบื้องต้นจะเน้นขายไปยังกลุ่มลูกค้าประเภทธุรกิจอาหาร            

นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 50% ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันส่งออกอยู่ที่ 40%  โดยตลาดหลักจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา  ยุโรป และออสเตรเลีย รวมกว่า 70 ประเทศทั่วโลกและถือว่าเป็นผู้ส่งออกน้ำปลาอันดับหนึ่งของไทย ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงกว่าในประเทศ 

ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิต 3 ล้านโหลต่อปี  โดยมีโรงงาน 2 แห่งอยู่ที่แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม และที่คลองด่าน จ.สมุทรปราการ  โดยปีที่ผ่านมามีรายได้ 700-800 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าปีนี้จะมีรายได้เท่ากับปีก่อน    

 

ข่าวล่าสุด

HAAB (หาบ) มัดรวม 9 รสชาติที่สุดแห่งปี ที่ชาวโซเชียลไม่อยากมูฟออน