ITDCKลั่นไม่สะเทือน
อิตาเลียนไทยช.การช่าง ไม่กระทบจากแผ่นดินไหว บอร์ด ITDไฟเขียวออกหุ้น 1 หมื่นล้านบาท
อิตาเลียนไทยช.การช่าง ไม่กระทบจากแผ่นดินไหว บอร์ด ITDไฟเขียวออกหุ้น 1 หมื่นล้านบาท
นายอนันต์ อัมระปาล ผู้บริหารด้านวิศวกรรม บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) กล่าวถึงกรณีเกิดแผ่นดินไหวในพม่าว่า โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึก ที่ทวาย ประเทศพม่าของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะผลจากการศึกษาเชิงประวัติศาสตร์พื้นที่ดังกล่าวไม่เคยมีประวัติแผ่นดินไหวและจะไม่ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างของบริษัทเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น ซึ่งอาจมีภาคธุรกิจย้ายฐานผลิตออกจากญี่ปุ่นนั้น มองว่าในส่วนของทวายคงไม่ได้รับอานิสงส์เพราะโครงการนิคมอุตสาห กรรมนี้ได้มีการออกแบบและวางโซนของอุตสาหกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว
นายอนันต์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการที่ทวายว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลพม่าได้ออกกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษเสร็จแล้ว ทั้งในส่วนของกฎหมายรวมและกฎหมายพิเศษเฉพาะพื้นที่ทวาย ซึ่งในส่วนทวายดีเวลลอปเมนต์อยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทและอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ ในทวาย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 68 เดือน
“ตอนนี้โครงการที่ทวายได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก แต่ไม่สามารถที่จะเปิดเผยรายละเอียดได้จนกว่าขบวนการจัดตั้งบริษัทและการจัดโครงสร้างการถือหุ้นจะชัดเจน
ด้านนางนิจพร จรณะจิตต์ กรรมการรองประธานบริหารอาวุโส ITD กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี รวมถึงการจ่ายเงินปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท
นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มงานบริหาร บริษัท ช.การช่าง (CK) เปิดเผยว่า บริษัทไม่มีความกังวลจากแผ่นดินไหวในการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรี หรือเขื่อนน้ำงึม ที่เริ่มดำเนินงานในประเทศลาวแต่อย่างใด เนื่องจากการออกแบบการก่อสร้างได้ทำไว้เผื่อการสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้ถึงระดับ 78 ริกเตอร์ ประกอบกับบริษัทมีหน่วยงานที่คอยเฝ้าระวังการก่อสร้างอยู่ตลอดเวลา
เป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้รวม 1.5 หมื่นล้านบาทและกลับมามีกำไร เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.5% หลังจากงานใหม่ที่รับมามีอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 10%
ขณะที่ในปี 2555 เป็นต้นไป รายได้จะมีการเติบโตปีละ 1520% มาจากการรับรู้โครงการไซยะบุรี
ทั้งนี้ ประมาณเดือน เม.ย.ถึงต้น พ.ค. 2554 โครงการไซยะบุรีจะสามารถเซ็นสัญญาเงินกู้วงเงิน 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะกู้เงินจากธนาคารรายใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ พร้อมทั้งเซ็นสัญญางานรับเหมาก่อสร้างมูลค่า 7.6 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 8 ปีทำให้งานในมือเพิ่มเป็น 1.07 แสนล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 2553 ที่มี 1.2 หมื่นล้านบาท
ล่าสุดราคาหุ้น CK ปิดที่ 8.60 บาท บวก 0.10 บาท ขณะที่ตลาดหุ้นโดยรวม ดัชนีปิดที่ระดับ 1,037.73 จุด เพิ่มขึ้น 3.34 จุด มูลค่าซื้อขายรวม 32,787 ล้านบาท ตามแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติสูงถึง 2,804 ล้านบาท


