เมเจอร์ขึ้นค่าตั๋วหนังอีก3-5%

เมเจอร์ ลุยขยายโรงหนังดิจิตอล พร้อมขึ้นค่าตั๋วอีก 3-5% หลังภาวะต้นทุนเพิ่ม เผยค่าตั๋วในไทยยังต่ำมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ

นายวิชา  พูลวรลักษณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทจะใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท ในการปรับปรุงโรงภาพยนตร์ให้เป็นระบบดิจิตอล จำนวน 50 โรง และจะทยอยเปลี่ยนโรงภาพยนตร์ให้เป็นระบบดิจิตอลในสัดส่วน 80% ของจำนวนโรงภาพยนตร์ทั้งหมดภายใน 3 ปี จากโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 360 โรงในปัจจุบัน

สำหรับราคาตั๋วแบบดิจิตอล จะมีราคาแพงกว่าราคาบัตรชมภาพยนตร์ทั่วไป 15-20% ซึ่งปีนี้เครือเมเจอร์ได้ปรับขึ้นราคาตั๋วเฉลี่ย 3-5% จากราคาเฉลี่ยปีก่อนอยู่ที่ 130 บาท ตามภาวะต้นทุนทั้งค่าแรง, ราคาน้ำมันและค่าครองชีพที่สูงขึ้น

“ค่าตั๋วหนังของเมืองไทยยังถือว่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ที่ 450 บาท และไต้หวันที่ 550 บาท เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ประกอบกับปีนี้จะมีหนังดีจำนวนมากเข้าฉาย ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวมเติบโตขึ้น” นายวิชากล่าว

ทั้งนี้ ไตรมาสแรกที่ผ่านมา อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทย ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% โดยเฉพาะหนังไทยทำรายได้ค่อนข้างดี อย่างภาพยนตร์เรื่องสุดเขตสเลดเป็ดและสาระแนเห็นผี ทำรายได้รวมกันสูงกว่าภาพยนตร์เรื่องอวตาร ที่ทำรายได้ราว 300 ล้านบาทในปีก่อน

นายวิชา กล่าวว่า ในปีนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยคาดว่าจะเติบโต 10-15% มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่อาทิ ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3และ4 เข้าฉาย ซึ่งจะทำให้สัดส่วนของภาพยนตร์ไทยเพิ่มจาก 40 เป็น 50% รวมทั้งหนังฟอร์มใหญ่ของอเมริกาจะเข้าฉายหลายเรื่องในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีนี้ เช่น ไพรเรท ออฟ เดอะ คาริบเบียน 4, แฮรี่ พอตเตอร์ 7 ภาคจบ เป็นต้น

สำหรับปีนี้ บริษัทใช้งบลงทุนราว 500 ล้านบาท ในการขยายสาขาโรงภาพยนตร์เพิ่มที่เชียงราย  และพิษณุโลก และลงทุนเพิ่มในอินเดีย ขณะที่ปี 2555 จะลงทุนโครงการใหญ่ที่โครงการเมกะ บางนาและซีคอนสแควร์ บางแค ที่ใช้เงินลงทุน 700-800 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าเมเจอร์จะมีรายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์ 4,000 ล้านบาท