posttoday

บทเรียนที่ 2 จากการปฏิบัติธรรม พรหมวิหาร 4 กับธุรกิจครอบครัว

22 กุมภาพันธ์ 2554

...กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์

ฉบับนี้กลับมาถึงบทเรียนจากการที่ผมได้รับจากการไปปฏิบัติธรรมกับท่านอาจารย์ชยสาโรในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยผมได้กราบเรียนท่านอาจารย์ชยสาโรว่า มีหลักธรรมใดบ้างที่ธุรกิจครอบครัวควรจะนำมาปฏิบัติเพื่อความสามัคคีและขจัดความขัดแย้งเพื่อทำให้ธุรกิจครอบครัวสามารถเจริญจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน

ท่านอาจารย์ชยสาโรได้บอกว่า หลักธรรมที่ธุรกิจครอบครัวควรจะนำไปประพฤติปฏิบัติมี 2 หลัก คือ

1.หลักพรหมวิหาร 4 หรือพรหมวิหารธรรม

2.หลักสังคหวัตถุ

ท่านไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับหลักปฏิบัติธรรมในแต่ละข้อไว้ในรายละเอียด ผมจึงได้พยายามค้นคว้าหาจากตำรับตำราที่พูดถึงหลักธรรมดังกล่าว และเผอิญได้พบหนังสือธรรมเล่มหนึ่งชื่อ พุทธบริหารที่เขียนโดยพระอาจารย์มหาบุญมี มาลาวชิโร (ธิงค์ บี ยอนด์ บุ๊คส์ 2553) ซึ่งเป็นหลักการบริหารเชิงพุทธไว้อย่างน่าสนใจ รวมทั้งได้ศึกษาจากหนังสือ ธรรมนูญชีวิตและ นิติศาสตร์แนวพุทธของท่านปยุตโตที่ได้กล่าวถึงหลักธรรมทั้งสองเรื่องนี้ให้อย่างสั้นและกระชับ ผมจึงถือโอกาสนำบางส่วนเกี่ยวกับพรหมวิหาร 4 อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา มาเล่าสู่กันฟังก่อน หากใครสนใจอาจไปหาซื้อหนังสือธรรมะมาอ่านได้ ผมแนะนำว่าผู้ที่ชอบอ่านหนังสือบริหารกับธรรม หนังสือของท่านอาจารย์มหาบุญมีน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเล่มหนึ่งครับ

ท่านผู้อ่านอย่าคิดว่าผมเป็นนักปฏิบัติธรรมชั้นสูงนะครับ ผมแค่เป็นนักเรียนเตรียมประถมเท่านั้น แต่อยากจะนำหลักธรรมมาแลกเปลี่ยนให้ทันสถานการณ์ที่เป็นที่นิยมศึกษาและมีหนังสือธรรมมากมาย

5C ของธุรกิจครอบครัวที่ผมเคยเขียนอาจเกี่ยวข้องกับพรหมวิหาร 4 คือ Care and Compassion, Compensation และ Conflict Resolution ส่วน Corporate Structure และ Communication จะได้กล่าวต่อไป

บทความฉบับนี้ผมจะพูดถึงพรหมวิหาร 4 ซึ่งถือว่าเป็นธรรมของท่านผู้เป็นใหญ่หรือของผู้ประเสริฐและหลักธรรมย่อมทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและสมบูรณ์โดยหลักธรรมดังกล่าว ได้แก่

1.เมตตา คือ ความปรารถนาให้ทุกคนประสบประโยชน์และความสุข ดังนั้น หากสมาชิกในครอบครัวมีความเมตตาต่อกันและต่างคนต่างปรารถนาให้สมาชิกในครอบครัวและบุคคลอื่นๆ ที่ทำธุรกิจด้วยประสบประโยชน์ มีความสุข ข้อพิพาทก็ย่อมไม่เกิดขึ้น บุคคลที่เกี่ยวข้องก็มีความสุข หากเป็นผู้บริหารได้สร้างความดีต่างๆ ต่อผู้อื่น ธุรกิจก็สามารถเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน ความเมตตาจึงเป็นพื้นฐานสำคัญของครอบครัว คนธรรมดาทั่วไปยังมีกิเลสและตัณหาอยู่ ดังนั้น การที่จะมีความเมตตาได้สม่ำเสมอ ก็อาจต้องผ่านการปฏิบัติธรรมบ่อยๆ ความเมตตาอาจเป็นหลักเรื่อง C ตัวที่ 5 คือ Care ที่สำคัญกว่า C ตัวอื่นทั้งหมด

2.กรุณา คือ ความสงสารคิดที่จะช่วยเหลือให้พ้นจากความทุกข์ เช่น หากสมาชิกในครอบครัวหรือลูกจ้างประสบปัญหา (ทั้งทางโลก เช่น มีเงินไม่พอเพียง การให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิกในครอบครัวในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน หรือความรู้ การบริหารจัดการ ก็ย่อมจะสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่สมาชิกในครอบครัว (รวมถึงลูกจ้าง) ในทางธุรกิจครอบครัวอาจกำหนดกลไก มาตรการการช่วยเหลือไว้ในธรรมนูญครอบครัวก็ได้ เช่นกันหากสมาชิกในครอบครัวได้ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอแล้ว ความกรุณาก็ย่อมเกิดขึ้นได้ อันจะส่งผลประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้อง ความกรุณาเป็น C ตัวที่ 5 ที่สำคัญกว่า C ตัวอื่นคือ Compassion อันจะยังประโยชน์ในระยะยาวแก่ธุรกิจครอบครัวได้

3.มุทิตา คือ ความเบิกบาน พลอยยินดีเห็นผู้อื่นได้ดี อยู่ดีพร้อมสนับสนุน กล่าวคือ ควรส่งเสริมสมาชิกในครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในการบริหาร ก็ควรยินดียกย่องสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการยกย่องหรือมอบผลประโยชน์ตอบแทนจากการบริหาร อันจะทำให้สมาชิกในครอบครัวเกิดกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ กรณีนี้อาจเทียบกับ C ตัวที่ 2 คือ Compensation ผ่านกระบวนการจัดสรรผลประโยชน์และค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและเหมาะสมที่อาจกำหนดไว้ในธรรมนูญครอบครัวได้

4.อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง เป็นการมองตามความจริงโดยวางจิตเรียบสม่ำเสมอมั่นคงเที่ยงตรงดุจตราชั่ง มองเห็นการที่บุคคลจะได้รับผลดีหรือชั่วสมควรแก่เหตุที่ตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยวางตนและปฏิบัติไปตามหลักการ เหตุผลและความเที่ยงตรง หากผู้บริหารธุรกิจครอบครัวมีอุเบกขาให้ความเป็นธรรมแก่สมาชิกในครอบครัวในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์หรือหากมีข้อพิพาทก็ระงับข้อพิพาทอย่างเป็นกลาง ทำนอง C ตัวที่ 3 คือ Conflict Resolution ไม่เข้าข้างสมาชิกครอบครัวคนใดคนหนึ่ง ก็ย่อมได้รับการยอมรับจากสมาชิกในครอบครัว ซึ่งกลไกดังกล่าวก็อาจกำหนดเป็นแนวทางไว้ในธรรมนูญครอบครัวได้ และผู้บริหารที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างมีอุเบกขาก็จะต้องผ่านการปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน

ท่านอาจารย์ปยุตโตจึงกล่าวว่า อุเบกขาที่เกิดจากปัญญาจะช่วยรักษาบุคคล สังคม และธรรม

ข้อธรรมใหญ่ที่คุมท้ายอุเบกขาถือเป็นข้อที่สำคัญ เพราะหากมีแต่เมตตากรุณาและมุทิตาก็อาจจะมีสมาชิกครอบครัวบางคนชอบหวังพึ่งผู้อื่นหรืออาศัยความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ช่วยเหลือกันจนเกินขอบเขต โดยไม่คำนึงถึงหลักการหรือความถูกต้องชอบธรรมจึงต้องมีอุเบกขาไว้เป็นประกัน แต่จะมีเพียงอุเบกขาตัวเดียวก็ไม่ได้ (ดูรายละเอียด นิติศาสตร์แนวพุทธ โดยท่านปยุตโต (พ.ศ. 2539)

หลักธรรมของพรหมวิหาร 4 ที่กล่าวมานี้ ผู้สนใจควรจะไปศึกษาค้นคว้าว่าจริงๆ แล้วที่พระพุทธเจ้าทรงสอนในเรื่องนี้ไว้อย่างไร แต่ผมเชื่อว่าหากธุรกิจครอบครัวใดได้ปฏิบัติตามหลักพรหมวิหาร 4 ได้ ความขัดแย้งในเรื่องต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น จะประกอบธุรกิจด้วยความรักความสามัคคี หากมีข้อนี้ข้อขัดแย้งก็จะสามารถระงับได้ด้วยกระบวนการอุเบกขาที่เป็นที่ยอมรับของทุกๆ คน ธุรกิจครอบครัวก็จะเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน

ผมจึงคิดว่า แนวปฏิบัติของพรหมวิหาร 4 หากระบุไว้ในธรรมนูญครอบครัว ก็เป็นเรื่องที่นับว่าเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ธรรมสวัสดีครับ

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68